"ดูเตอร์เต"ย้ำอเมริกันต้องถอนทหารจากฟิลิปปินส์ !!!

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/

ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ กล่าวย้ำขณะเยือนญี่ปุ่น ต้องการให้อเมริกาถอนกำลังจากฟิลิปปินส์ภายใน 2 ปี และพร้อมยกเลิกข้อตกลงทางทหารกับมหามิตรเก่าแก่นี้ หากจำเป็น แต่ขณะเดียวกันเขาก็ยืนยันกับญี่ปุ่น ว่า การเยือนจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีเป้าหมายทางเศรษฐกิจเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการทหารแม้แต่น้อย แถมบอกว่าเมื่อถึงเวลาจะยืนอยู่ฝ่ายญี่ปุ่นในกรณีพิพาททะเลจีนใต้ ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต กล่าวในงานประชุมทางเศรษฐกิจกับพวกนักธุรกิจญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว โดยเขาได้กล่าวว่า ต้องการดำเนินนโยบายการต่างประเทศที่เป็นอิสระ เขาจึงอยากให้ฟิลิปปินส์ปลอดจากกองทหารต่างชาติ โดยเขาต้องการให้ทหารเหล่านี้ออกไป ซึ่งอาจเป็นไปได้ใน 2 ปีหน้า และหากจำเป็น เขาก็พร้อมทบทวนหรือยกเลิกข้อตกลงที่มีฐานะเป็นข้อตกลงระหว่างฝ่ายบริหาร
      

ปัจจุบันกองทหารต่างชาติที่อยู่ในฟิลิปปินส์ มีเพียงกองทหารหน่วยรบพิเศษของอเมริกันจำนวนไม่มาก ประจำอยู่บนเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ก่อนหน้านี้ ดูเตอร์เต ได้เคยระบุชัดเจนกว่านี้ ว่า ต้องการให้อเมริกาถอนทหารออกจากมินดาเนา เนื่องจากทำให้สถานการณ์ตึงเครียด โดยบนเกาะดังกล่าวมีกลุ่มนักรบอิสลามที่ก่อความรุนแรงเพื่อแบ่งแยกดินแดนมานานหลายสิบปี ขณะเดียวกันข้อตกลงทางการทหารที่ดูเตอร์เตพูดถึง ก็ดูจะหมายถึงข้อตกลงเพิ่มพูนความร่วมมือด้านกลาโหม (EDCA) ระหว่างฟิลิปปินส์ กับสหรัฐฯ ปี 2014 ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ กับ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมะนิลา ในเวลานั้น

 

และไม่มีการเสนอให้รัฐสภารับรองให้สัตยาบัน จึงถือเป็นข้อตกลงของฝ่ายบริหาร นอกจากนั้นแล้วผู้นำฟิลิปปินส์ยังได้พูดถึงเกี่ยวกับการเยือนกรุงมะนิลาของนายแดเนียล รัสเซลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐด้านกิจการเอเชียและแปซิฟิก ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ในตำแหน่งผู้นำฟิลิปปินส์ ขอให้รัฐบาลสหรัฐ ลืมไปได้เลย เรื่องข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหม ( อีดีซีเอ ) ที่ลงนามร่วมกันเมื่อปี 2557 ในสมัยของประธานาธิบดีเบนิกโน อาคีโน พร้อมทั้งประกาศว่าทหารที่จะสามารถประจำการอยู่ในประเทศได้ต้องเป็นทหารฟิลิปปินส์เท่านั้น

 


    

     
ขณะเดียวกันดูเตอร์เตยังกล่าวถึงพาดหัวข่าวของสื่อทุกแห่งในประเทศ ที่อ้างคำกล่าวของรัสเซลล์ว่า ดูเตอร์เตสร้างบรรยากาศไม่มั่นคงและสับสนไปทั่วทั้งภูมิภาคโดยเฉพาะต่อภาคธุรกิจ และยังวิจารณ์นโยบายสงครามปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลมะนิลาชุดปัจจุบัน ที่มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 3,700 คนนับตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ใครที่ไม่พอใจกับเรื่องนี้เชิญเก็บกระเป๋าแล้วออกไป เพราะฟิลิปปินส์จะฟื้นฟูตัวเองนับจากนี้ และตำหนิรัสเซลล์พร้อมคณะว่า งี่เง่า  ดังนั้นเวลานี้ แม้ทางด้านผู้นำฟิลิปปินส์ ไม่ได้ตัดความสัมพันธ์กับสหรัฐ โดยตรง แต่ใช้คำว่าแยกทาง นั้นก็เชื่อได้ว่าหลังจากนี้ ทั้งสองประเทศคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางทหารที่มีมายาวนานนั่นเอง