พระมหากษัตริย์ปลูกข้าวในวัง รัฐบาลจับมือนายทุน ให้ชาวนาเลิกปลูกข้าว "ปัญหาและปัญญา" เสียงจากศิลปินแห่งชาติ

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

       เรื่องข้าวราคาตกนอกจากเป็นทุกข์ขรมในใจเกษตรกรชาวนาแล้ว ดูเหมือนว่ากำลังเป็นประเด็นร้อนแรง เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมวงกว้าง ทั้งเสียงท้วงติง คำแนะนำ คำอธิบายต่างๆจากหลายฝ่าย รวมทั้ง มกุฏ อรฤดี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์  ปี 2555 ด้วยการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว เมื่อคืนวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 20:55 น. โดยใช้ชื่อ· Makut Onrudee ซึ่งมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

       พระมหากษัตริย์ ปลูกข้าวในวังดั่งชาวนา

       เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งชาติและประชาชน

       ผูกสัมพันธ์กับชาวบ้าน ด้วยเวลา ๗๐ ปี

 

       รัฐบาลใช้เวลาไม่นาน จับมือกับนายทุน

       เพื่อให้ชาวนาเลิกปลูกข้าวเกือบครึ่งประเทศ

       ไม่คิดแก้ปัญหาด้วยวิธีใช้สติปัญญากว่านั้น

 

       วันนี้ ชาวนาทั้งชาติถวายบังคมพระบรมศพ

พระมหากษัตริย์ปลูกข้าวในวัง รัฐบาลจับมือนายทุน ให้ชาวนาเลิกปลูกข้าว "ปัญหาและปัญญา" เสียงจากศิลปินแห่งชาติ

     ทั้งนี้ในวันเดียวกัน Makut Onrudee ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค เวลา 20.35 น. โดยมีข้อความว่า

ชาวนาในยุคที่รัฐบาลรักประชาชน

รักประเทศชาติ รักแผ่นดิน

เมื่อชาวนาเริ่มไม่เชื่อว่า  เป็นความจริง

       พร้อมกันนี้ในเฟซบุ๊คหน้าเดียวกัน ก็ได้มีการนำข้อความจาก ประสิทธิชัย หนูนวล ที่เขียนถึงเรื่องราคาข้าวตกต่ำ โดยมีเนื้อหาทั้งหมดว่า

 

ประสิทธิ์ชัย หนูนวล

28 ตุลาคม เวลา 17:42 น. ·

 

อยากพูดถึงเรื่องชาวนารู้สึกเจ็บปวดใจในฐานะลูกชาวนา

 

ราคาข้าวตก ส่งเสริมปลูกข้าวโพด รัฐลงทุนหมื่นล้านจ้างเลิกทำนา ส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ทั้งหมดนี่เกี่ยวข้องอะไรกัน!?!

 

เริ่มจากสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวถูกทำให้เป็นสินค้าทางการเมือง

มันจึงถูกการเมืองเล่นมาตลอดและยุคนี้สำคัญสุดเพราะมีทุนใหญ่อยากกุมสภาพข้าวไว้เองทั้งหมดทั้งการผลิตและตลาด

พระมหากษัตริย์ปลูกข้าวในวัง รัฐบาลจับมือนายทุน ให้ชาวนาเลิกปลูกข้าว "ปัญหาและปัญญา" เสียงจากศิลปินแห่งชาติ

วิธีการจึงเริ่มขึ้น

๑.ต้องทำให้ชาวนาตาย ด้วยกลไกราคาข้าวที่กดให้ต่ำลง ชาวนาจะเลิกทำนา ในขณะที่รัฐก็ร่วมมือ ด้วยการจ้างชาวนาเลิกทำนา และหันมาปลูกข้าวโพดแทน ด้วยการสร้างแรงจูงใจของบรรษัทใหญ่ว่าจะรับซื้อ

๒.ข้าวโพดกับข้าวจึงถูกวางแผนร่วมกัน บรรษัทที่๑ต้องการข้าวโพด บรรษัทที่๒ ต้องการกุมสภาพข้าวทั้งหมด การวางแผนของ๒บริษัทนี้จะสำเร็จได้ก็ด้วยการเอื้ออำนวยของรัฐบาล จึงเอางบระดับหมื่นล้านมาจ้างชาวนาให้เลิกทำนา ความจริงผมเข้าใจว่าบรรษัทที่ต้องการข้าวโพดและข้าวทั้งหมดเป็นบรรษัทเดียวกัน แต่ข้อมูลล่าสุดพบว่าบรรษัทที่ใหญ่พอกันอีกบรรษัทหนึ่งรับช่วงการกุมสภาพข้าวทั้งหมดไว้เอง

๓.มากไปกว่านั้นคือการกุมสภาพที่ดินการเกษตรทั้งหมดเอาไว้ในมือ ด้วยกลไกที่ดูว่าไม่เกี่ยวข้องกันเลย กล่าวคือ การที่ทำให้สินค้าราคาเกษตรตกต่ำนั้นจะนำมาซึ่งศักยภาพในการชำระหนี้น้อยลงของเกษตรกร ในระยะยาวซึ่งหมายถึงภายใน๒ปีนี้ เกษตรกรจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ ที่ดินที่ค้ำประกันเอาไว้จะถูกนำมาจัดการเพื่อการผลิตขนาดใหญ่ของบรรษัท เป็นการยึดที่สมบูรณ์แบบ เบ็ดเสร็จ เด็ดขาด

๔.ราคาข้าวตก ราคายางพาราตก การส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดแทนข้าว รัฐเอาเงินหมื่นล้านจ้างชาวนาเลิกทำนาแทนที่จะนำเงินนี้ไปแปรรูปผลผลิต ส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ปล่อยกู้ ธกส. ออมสิน มากขึ้น ง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้มันคือแผนเดียวกัน มาจากหน้ากระดานเดียวกัน รัฐเอื้อทุนใหญ่วางแผนยึดกุมประเทศไทย

ถ้าทำใจให้เชื่อไม่ได้ว่ามันจริงก็จงอยู่นิ่งแล้วรอดู ไม่เกิน๒ปี

ผมอยากชวนชาวนาและคนไทยตอบโต้

ต่อพวกนายทุนและรัฐมนตรีขี้ข้านายทุนด้วยการ ผลิตข้าวสารเองและส่งให้กับครัวเรือนผู้บริโภค ซื้อขายกันโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้า ค่อยๆทำตามสภาพ เหมือนอย่างที่บางพื้นที่กำลังทำกันแล้ว แม้ว่าสักพักทุนใหญ่จะทำลายระบบนี้ลงจนราบคาบเพราะถ้าประชาชนโตเขาก็ตาย...แต่เราก็ต้องลอง

ผมคุยกับเพื่อนที่บ้านผม เขาบอกว่าตอนนี้กำลังออกแบบว่าเขาสีข้าวแล้วส่งให้กับผู้บริโภคโดยตรง รับส่งให้ทั้งปี เช่น เขาผลิตพอสำหรับ๑๐ครัวเรือน เขาก็รับกับ๑๐ครัวเรือนนี้ตลอดปี ตัดขาดพ่อค้าคนกลาง และนายทุนใหญ่ที่กำลังเข้ามากุมสภาพข้าวทั้งระบบ

ตั้งแต่ผมเติบโตมายังไม่เคยเห็นเห็นรัฐบาลไหนสารเลวเท่านี้มาก่อน

แต่โชคดีที่เราจะได้เห็นชัดๆว่า ทุนไหนบ้างที่มันมีอำนาจเหนือรัฐ ผมคิดว่าตั้งแต่ปี๒๔๗๕ เป็นต้นมา พวกนี้คือคนกุมสภาพประเทศตัวจริง มาตลอด หากไม่เชื่อลองไปไล่ดูการออกกฎหมายและการเติบโตของทุนกลุ่มนี้มันสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน

คราวนี้แผนการยึดประเทศผ่านการคุมระบบเศรษฐกิจมาถึงขั้นปลาย กล่าวคือ กุมสภาพกฎหมาย การศึกษา งานวิจัย การเงิน ระบบอาหาร การเกษตร เอาไว้ในมือทั้งหมด และสำหรับผมนี่คือเหตุผลหลักของการทำรัฐประหารคราวนี้ เพราะถ้าการเมืองไม่นิ่งทั้งหมดนี้ทำไม่ได้

สุดท้ายอยากให้จำหน้ารัฐมนตรีเกษตรคนนี้เอาไว้ และจำตาดูปฏิบัติการของเขาต่อระบบการเกษตรไทยหลังจากนี้อย่าได้กะพริบตา

 

 

เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณข้อมูล-ภาพ จากเฟซบุ๊ค Makut Onrudee , วินทร์ เลียววาริณ ,ประสิทธิชัย หนูนวล ,Mix Magazine