ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/

     สวัสดีครับแฟนข่าวทีนิวส์ วันนี้วันที่ 4 พ.ย. 2559 เมื่อวาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินสายไปภาคอีสานและไปแวะซื้อข้าวหอมมะลิจากชาวบ้าน ที่จ.อุบลราชธานี เป็นข่าวฮือฮาไปทั้งประเทศ ลูกน้องบริวารทั้งหลายก็ขยายความว่านี่คือการออกไปช่วยเหลือชาวนา ไม่เพียงเท่านั้น ยังไปบีบน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจว่าชาวนาจะช่วยเรี่ยไรเงินมาช่วยเธอ มาวันนี้โพสต์เฟซบุ๊กต่อ จะเอาข้าวมาขายที่ห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์ ในราคาข้าวหอมมะลิกิโลละ 20 บาท เพราะซื้อมา 20 บาท ไม่ต้องการจะเอากำไร ค่าใช้จ่ายทั้งหลายทั้งสิ้นล้วนแต่จะออกทั้งหมด ดูเธอจะเสียสละมาก

     แต่สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรจะรู้และต้องเข้าใจราคาข้าวหอมมะลิในตลาดขณะนี้ถ้าในห้างสรรพสินค้าก็ขายอยู่กิโลละ 31 บาท แต่ถ้าขายปลีกตามตลาดทั่วๆ ไป กิโลละ 25 บาท ถึง 27 บาท หมายความว่ายังไงครับ? หมายความว่าถ้าราคาข้าวหอมมะลิขนาดนี้ นั่นก็คือราคาข้าวเปลือกน่าจะอยู่ที่ 10 บาท หรือ 12 บาท ถึงจะทำให้เกิดช่องว่างของกำไรสำหรับผู้ประกอบการขึ้นบ้าง ความจริงจะเอาให้ดีไม่ใช่มาสร้างอีเว้นท์แบบนี้หรอกครับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรจะไปรับซื้อข้าวเปลือกข้าวหอมมะลิในราคาตันละ 15,000 บาท หรือกิโลละ 15 บาท ไม่ต้องข้าวขาวเหมือนตอนรับจำนำนะครับ และเอาข้าวมาสีขาย แล้วจะได้รู้ว่าผลประกอบการที่ขาดทุนเนี่ย มันเป็นอย่างไร

     นี่แหละครับเปรียบเทียบกับอีเว้นท์ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามจัดแล้วเนี่ยก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนครับว่า มีความจริงใจที่จะช่วยเหลือชาวนาจริงหรือไม่ ตระกูลชินวัตรมีเงินทองทรัพย์สินมากมาย เทเงินมาเลยสัก 1พันล้าน ไปซื้อข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาทตามที่เคยรับจำนำแล้วเอามาสีขาย จะได้ซาบซึ้งและรู้ว่าที่ประเทศชาติเสียหายไปจากโครงการรับจำนำข้าวนั้นมันเกิดขึ้นด้วยเหตุผลเช่นนี้เอง