มโนสำนึกอยู่ไหน ??? ฟังเหตุผลปปช.-ศาลรธน. หลัง "อุดมเดช" อ้างสนช.ถอดถอน เพราะเกรงใจผู้มีอำนาจ ???

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

       นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีมติถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง โดยส่งผลให้ตนต้องโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ว่า ตนมีความเชื่อมั่นที่ผ่านมาทำในสิ่งที่ถูกต้องมาโดยตลอด แต่เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ฟ้องร้องตนก็สามารถชี้แจงไปด้วยเหตุด้วยผล และคิดว่าการชี้แจงกับสนช.ทั้ง 3 ครั้ง คือ วันที่ 6 ตุลาคม วันที่28 ตุลาคม และวันที่ 3 พฤศจิกายน เป็นการชี้แจงที่ครบถ้วน " เป็นไปตามระเบียบทุกประการและมีชี้แจงก็มีเหตุผลพอที่จะให้สมาชิกสนช. ใช้เป็นดุลยพินิจประกอบในการลงมติ

       แต่พอมีการลงมติจริงทางสมาชิกสนช.อาจมีความเกรงใจผู้มีอำนาจเลยลงมติยอดถอน ซึ่งตนรู้สึกผิดหวังกับคำตัดสินดังกล่าวมาก ส่วนจะยอมรับในผลของการลงมติหรือไม่นั้น ในเมื่อผลมันออกมาแล้วจะไม่ยอมรับได้อย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ในเมื่อมีการตัดสิทธิ์ทางการเมืองแล้วตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่คิดว่าก็ไม่เป็นอะไร ตนก็จะทำในสิ่งที่เราคุ้นเคย คือ อยู่กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ส่วนจะกลับมาเล่นการเมืองต่อไปหรือไม่หลังจากพ้นโทษ ตนคิดว่าถ้ามีคนพื้นที่รุ่นใหม่เขามาทดแทนเราต้องเปิดโอกาสให้ทำทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน แต่ตอนนี้ตนยังตอบไม่ได้ เพราะยังอีกยาวไกลคงต้องดูกันไปก่อน " นายอุดมเดช กล่าว

       อย่างไรก็ตามสำหรับ นายอุดมเดช ได้โดนคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.ที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นหัวหน้าทีมรับผิดชอบคดีนี้ ชี้ว่าเข้าข่ายความผิดอาญาตามมาตรา 123/1 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีสลับร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่มีสมาชิกรัฐสภาลงรายมือชื่อรับรอง และไม่เพียงเท่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2556 ว่า การสลับร่างดังกล่าวไม่ใช่ความผิดเล็กน้อย แต่เป็นการแก้ไขที่เปลี่ยนแปลงหลักสำคัญจากร่างเดิม โดยมีผลให้ ส.ว. ที่สมาชิกสภาพสิ้นสุดลง สามารถสมัครเป็นส.ว.ได้ต่อเนื่อง และยังไม่มีชื่อของส.ว.ร่วมลงชื่อเสนอญัตติในร่างนี้ ซึ่งคำวินิจฉัยนี้ของศาลรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญบัญญัติได้ไว้ว่าคำวินิจฉัย มีผลผูกพันกับทุกองค์กรรวมทั้ง สนช.