รู้แล้วเจ็บหัวใจสุดๆ!!!เรื่องจริงจากออสเตรเลีย"ข้าวหอมมะลิไทย"หายจากชั้นวางขายห้างดัง เพราะความไว้วางใจคุณภาพลดลง+ราคาแพง # พิษจำนำข้าว??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเกี่ยวกับการเปิดขายข้าวของ  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เจ้าตัวก็ยังจะเดินหน้ากิจกรรมนี้ต่อไป และวันนี้ ( 11พ.ย.)  น.ส.ยิ่งลักษณ์  ก็จะเดินทางไปขายข้าวที่ จ.สมุทรปราการ  ซึ่งเป็นพื้นที่ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช.

 

รู้แล้วเจ็บหัวใจสุดๆ!!!เรื่องจริงจากออสเตรเลีย"ข้าวหอมมะลิไทย"หายจากชั้นวางขายห้างดัง เพราะความไว้วางใจคุณภาพลดลง+ราคาแพง # พิษจำนำข้าว??

 

 

อย่างไรก็ตามกับปัญหาข้าวไทย    โดยข้อเท็จจริงอาจไม่ใช่เรื่องของปัญหาราคาตกต่ำเพียงเท่านั้น   แต่ในรอบหลายปีที่ผ่านมาภายหลังเกิดโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคาสูงกว่าท้องตลาด หรือ 15,000 บาทต่อตัน   ดูเหมือนว่าสถานการณ์ข้าวไทยจะมีปัญหาเกิดขึ้นในหลายมิติ  เนื่องจากโครงการดังกล่าวถูกมองว่ามีส่วนสำคัญในการทำลายวงจรการพัฒนาคุณภาพข้าวไทยอย่างรุนแรง แม้ว่าโดยแนวนโยบายจะอ้างถึงผลประโยชน์ด้านรายได้ที่ชาวนาได้รับจะมีอัตราสูงขึ้น

 

รู้แล้วเจ็บหัวใจสุดๆ!!!เรื่องจริงจากออสเตรเลีย"ข้าวหอมมะลิไทย"หายจากชั้นวางขายห้างดัง เพราะความไว้วางใจคุณภาพลดลง+ราคาแพง # พิษจำนำข้าว??

 

เพราะชาวนาส่วนหนึ่งหันมาให้ความสำคัญในการเร่งผลผลิต   โดยใช้พันธุ์ข้าวอายุสั้น เพื่อสร้างประโยชน์ในการแสวงหารายได้ตามแรงจูงใจของนโยบายรับจำนำข้าว   ส่วนภาครัฐเองก็ไม่ได้สนใจจะพัฒนาคุณภาพข้าวไทยอย่างจริงจัง   แต่เลือกใช้งบประมาณหลายแสนล้านบาทเพื่อซื้อคะแนนนิยมทางการเมือง    ไม่นับรวมแนวนโยบายเรื่องบัตรเครดิตชาวนา  ซึ่งพรรคเพื่อไทยเริ่มต้นนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่  3  เม.ย. 2555   กับการซื้อปัจจัยการผลิต  ได้แก่ เมล็ดพันธ์ข้าว ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง   ซึ่งล้วนแต่เป็นเครื่องมือทางเคมีเพื่อทำให้ผลผลิตมีปริมาณมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีส่วนสำคัญในการทำลายคุณภาพข้าวไทย   ???

 

รู้แล้วเจ็บหัวใจสุดๆ!!!เรื่องจริงจากออสเตรเลีย"ข้าวหอมมะลิไทย"หายจากชั้นวางขายห้างดัง เพราะความไว้วางใจคุณภาพลดลง+ราคาแพง # พิษจำนำข้าว??

 

ทั้งนี้กับสภาพการณ์ของอุตสาหกรรมข้าวไทยกำลังเกิดปัญหาในหลายระดับ  กรณีตัวอย่างหนึ่งถูกนำเสนอข้อเท็จจริงโดย  “นิรมล ประสารสุข”  ผู้จัดการสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยได้เขียนบทความลงในเพจเฟสบุ๊ก  Ghoong Niramol เพื่อชี้ให้เห็นว่าคุณภาพข้าวไทยกำลังถูกท้าทายจากตลาดโลกอย่างรุนแรง

 

“ ข้าวไทยหายไปไหน? หายไปจากชั้นวางขายในห้างค้าปลีกใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่? และทำไม? ในขณะที่ชาวนาเมืองไทยส่วนใหญ่ยังใช้สารเคมีในขั้นตอนการปลูกข้าว...แต่ในประเทศอื่นๆ ซึ่งเคยเป็นผู้ซื้อข้าวจากเมืองไทย หันมาผลิตและปลูกข้าวเองโดยการใช้เทคโนโลยีเน้นผลิตข้าวแบบปลอดสารพิษและต่อยอดการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่สามารถปลูกได้แม้ในพื้นที่แห้งแล้ง (Dry Land Rice) และลดการนำเข้าข้าวสารจากประเทศไทย
 

ผู้บริโภคข้าวภายในประเทศจึงหันมาซื้อข้าวสารที่ผลิตในประเทศตัวเองแทน ...จากการพูดคุยซักถามลูกค้าที่เดินเข้าห้างค้าปลีกที่นี่ 6-7 คน ทั้งคนเอเซียและคนออสเตรเลียเอง ผลปรากฏว่า ส่วนใหญ่เลือกซื้อสินค้าและข้าวสารที่ผลิตในประเทศออสเตรเลีย เพราะราคาถูกและรู้สึกปลอดภัยปราศจากสารเคมีและสารปนเปื้อนต่างๆ

 

อีกทั้งกับดักความเชื่อที่ว่าข้าวหอมมะลิไทย ดีที่สุดในโลกนั้น ความจริงได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะที่ประเทศออสเตรเลียได้ทำการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวจากข้าวหอมมะลิไทย และข้าวผสมอื่นๆ จนได้ข้าวหอมมะลิพันธุ์ใหม่ที่มีความหอมและนุ่ม กว่าข้าวหอมมะลิไทย

 

อันนี้จึงเป็นที่มาของคำตอบในคำถามว่า "ข้าวไทยหายไปไหน? ผลการเดินสำรวจห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่ประเทศออสเตรเลีย คือ ห้างสรรพสินค้า Woolworth supermarket (*ห้างสรรพสินค้าวูลเวิร์ธ ห้างค้าปลีกอันดับ 1 ของออสเตรเลีย ที่มีสาขาในออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์กระจายกว่า 3,000 สาขา)  และ Cole ปรากฏว่า ข้าวสารบรรจุถุงยี่ห้อ(แบรนด์ต่างๆ) หายไปจากชั้นวางขายสินค้าประเภทข้าวในห้างสรรพสินค้า แต่กลับมีข้าวสารยี่ห้อใหม่ๆ ที่ผลิตในประเทศออสเตรเลีย โดยตรงลดการนำเข้ามาจากต่างประเทศ 
 

รู้แล้วเจ็บหัวใจสุดๆ!!!เรื่องจริงจากออสเตรเลีย"ข้าวหอมมะลิไทย"หายจากชั้นวางขายห้างดัง เพราะความไว้วางใจคุณภาพลดลง+ราคาแพง # พิษจำนำข้าว??

 

เมื่อเปรียบเทียบกับ 3-4 ปีที่ผ่านมา ในห้างค้าปลีกระดับใหญ่ของที่นี่ ยังมีข้าวสารหอมมะลิ Thai Jasmine Rice วางเด่นเป็นสง่าหลากหลายยี่ห้อและเพกเกจจิ้งอยู่ แต่ผ่านไปแค่ปีสองปี ข้าวสารไทยหายไปจากชั้นวางขายสินค้าได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้น? รัฐบาล หน่วยงานที่รับผิดชอบ ทราบเรื่องหรือไม่? และได้มีแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างไร? การไม่มีข้าวสารจากไทย วางขายบนชั้นสินค้า ย่อมส่งผลกระทบต่อชาวนาไทยและประเทศไทย แน่นอน

 

อีกทั้งการที่ร้านค้าปลีกรายใหญ่ในประเทศออสเตรเลีย ลดพื้นที่และจำนวนข้าวสารจากไทย ในชั้นวางสินค้านั้น ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงกลไกทางการตลาดและการกลไกทางการผลิตนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตร สินค้าเพื่อการอุปโภคและบริโภค

 

รู้แล้วเจ็บหัวใจสุดๆ!!!เรื่องจริงจากออสเตรเลีย"ข้าวหอมมะลิไทย"หายจากชั้นวางขายห้างดัง เพราะความไว้วางใจคุณภาพลดลง+ราคาแพง # พิษจำนำข้าว??

 

ถ้าประเทศนั้นๆ สามารถผลิตสินค้าและอาหารที่จำเป็นต้องกินและต้องใช้ได้เองแล้ว การนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ ย่อมลดลงอย่างแน่นอน จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญและเรื่องแปลกที่ข้าวสารจากประเทศไทยหายไปจากชั้นวางสินค้าในแผนก Rice ของห้างค้าปลีกรายใหญ่ที่ประเทศออสเตรเลีย

 

แต่ที่แปลกคือว่า ทำไมยังคงมีสินค้าประเภทข้าวสารบรรจุจากประเทศอินเดีย และประเทศอื่นๆ วางขายอยู่ในจุดที่โดดเด่นต่อสายตาของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก   ประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องกลไกทางการตลาดและการต่อรองระหว่างรัฐบาลและนักธุรกิจระหว่างประเทศด้วยเช่นกัน

 

ที่ผ่านมาร้านอาหารไทยเกิดขึ้นจำนวนกว่า 2 พันสาขา แต่ตอนนี้ ร้านอาหารอินเดียระดับพรีเมี่ยมก็เปิดเพิ่มขึ้นอีกหลายสาขา และถ้านับโดยรวมร้านอาหารอินเดียในทุกประเภทแล้วน่าจะมีจำนวนสาขาและมูลค่ามากกว่าร้านอาหารไทย ร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลีก็เปิดตามมาไม่น้อย แต่ต่างก็มีการนำเข้าข้าวสารจากประเทศของตัวเองเป็นหลักในการผลิตและปรุงอาหาร   ซึ่งเหตุการณ์ข้าวสารไทยในห้างค้าปลีก ลักษณะนี้น่าจะเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกด้วยเช่นกัน เพราะความด้อยมาตรฐานและคุณภาพในการผลิต รวมทั้งราคาที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งอื่นๆ

 

รู้แล้วเจ็บหัวใจสุดๆ!!!เรื่องจริงจากออสเตรเลีย"ข้าวหอมมะลิไทย"หายจากชั้นวางขายห้างดัง เพราะความไว้วางใจคุณภาพลดลง+ราคาแพง # พิษจำนำข้าว??

 

จากการติดตามสถานการณ์ปัญหาราคาข้าวและการจัดจำหน่ายในประเทศไทยมาระยะหนึ่ง...หลายฝ่ายก็ร่วมมือร่วมใจเพื่อช่วยแก้ปัญหาและหาทางออกกันในหลายๆ ด้านนั้น ดูเหมือนว่า ประเทศไทยก็มีปัญหาในการส่งออกข้าว เพราะราคาสูงกว่าประเทศอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งในการส่งออกสินค้า

 

ปัญหาหนักคงตกอยู่ที่ชาวนา แต่รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ไม่ควรเพิกเฉยกับปัญหาและควรหาทางแก้ โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานตามความเป็นจริง ในทุกๆ เรื่องแม้กระทั่งการรายงานความจริงให้ผู้บริหารระดับสูงทราบ และหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการค้าระหว่างประเทศ ที่มีสาขาและเจ้าหน้าที่อยู่ในประเทศต่างๆ ก็ควรจะเดินสำรวจตลาดตามความเป็นจริงด้วย ไม่ใช่แค่นั่งเขียนเอกสารรายงานการคาดการณ์

 

สำหรับข้อมูล ผู้ค้าข้าวรายใหญ่ในออสเตรเลียได้แก่ SunRice ซึ่งเป็นผู้ทำการตลาดให้กับสหกรณ์ ผู้ผลิตข้าวของออสเตรเลีย (Ricegrowers’ Association of Australia Inc.) ในลักษณะกึ่งผูกขาด เป็นผู้มีอิทธิพลมากในการจำหน่ายในตลาดออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิค ภายใต้ยี่ห้อ SunRice and Sunlong โดยข้าวที่จำหน่ายและเป็นข้าวออสเตรเลียส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว ข้าวกล้อง ส่วนข้าวหอมมะลิ และข้าวขาวเมล็ดยาว รวมทั้งข้าวหุงสำเร็จในรูป Retort Pouch บริษัท SunRice นำเข้าจากไทยภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ

ประเทศออสเตรเลียเริ่มปลูกข้าวได้ในปี 1914 เมื่อ 100 กว่าปีมาแล้ว แม้ว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวแห่งใหม่ แต่ออสเตรเลียก็เป็นประเทศที่มีผลผลิตต่อพื้นที่สูงที่สุดในโลก (เฉลี่ย 9 ตัน/เฮกเตอร์ (1 เฮกตาร์เท่ากับ 6.25 ไร่ ) และมีการใช้น้ำในการเพาะปลูกน้อยที่สุดในโลก ซึ่เป็นผลจากการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาโดย สมาคมผู้ปลูกข้าว (Rice Grower Association) ปีละประมาณ 18 ล้านเหรียญออสเตรเลี( แปลงเป็นเงินบาทไทยคิดราคาแลกเปลี่ยนแบบคร่าวๆ ที่ประมาณ 1 เหรียญดอลลาร์ออสเตรเลีย x 25 บาทไทย)

 

รู้แล้วเจ็บหัวใจสุดๆ!!!เรื่องจริงจากออสเตรเลีย"ข้าวหอมมะลิไทย"หายจากชั้นวางขายห้างดัง เพราะความไว้วางใจคุณภาพลดลง+ราคาแพง # พิษจำนำข้าว??

และจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนาชนบทรัฐบาลออเตรเลีย (The Rural Industries Research and Development, the Australian Government) ปีละ 500,000 เหรียญออสเตรเลียเป็นระยะเวลา 7 ปี  ในระยะยาว รัฐบาลกลางและ The Department of Primary Industries ของออสเตรเลียมีแผนที่ทดลองปลูกข้าวในพื้นที่แห้ง (dry land rice) และพัฒนาชายฝั่งทางตอนเหนือให้เป็นเขตเพาะปลูกข้าวแห่งใหม่ เพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศและการส่งออกในอนาคต”

 

ที่สำคัญเมื่อบทความชิ้นนี้ถูกนำเสนอออกไปก็มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นอย่างน่าสนใจ  โดยรายหนึ่งที่พูดถึงนโยบายรับจำนำข้าวว่าเป็นต้นเหตุสำคัญทำให้คุณภาพข้าวไทยมีปัญหาอย่างหนักในสถานการณ์การแข่งขันปัจจุบัน...

 

รู้แล้วเจ็บหัวใจสุดๆ!!!เรื่องจริงจากออสเตรเลีย"ข้าวหอมมะลิไทย"หายจากชั้นวางขายห้างดัง เพราะความไว้วางใจคุณภาพลดลง+ราคาแพง # พิษจำนำข้าว??

 

 

เรียบเรียงโดย  :   ชัชรินทร์  สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณข้อมูล-ภาพ  :    FB  Ghoong Niramol