พูดอย่างนี้..จะใจอ่อนป่ะ!!! ชาวปทุมฯบอก"บิ๊กตู่" อนาคตฝากไว้ที่นายกฯ เจ้าตัวยิ้มแก้มปริขอยึดหลักคิดในหลวง เพราะพระองค์อยู่ในใจเราเสมอ

     พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ลงพื้นที่ดูการบริหารจัดการน้ำการเกษตร คลองระพีพัฒน์ แยกตก บริเวณประตูน้ำที่ 8 เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่การเกษตร

 

 

 

     โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังการบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จากนายสัญชัย เกตุสรชัย อธิบดีกรมชลประทาน ที่มีการใช้ประโยชน์จากลำคลอง ร่องสวน ประตูระบาย และมีพื้นที่แก้มลิง ทำให้ในช่วงฤดูแล้งและฤดูฝน สามารถกักเก็บ ระบายน้ำเพื่อการเกษตรได้เป็นอย่างดี และเมื่อปี 2554 บรรเทาความเสียหายจากอุทกภัย ไม่ให้เข้าสู่กรุงเทพมหานคร และท่วมขัง นิคมอุตสาหกรรมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ตามแนวพระราชดำริ

 

 

 

 

     ทั้งนี้ ปัจจุบันคลองระพีพัฒน์สามารถส่งน้ำได้ 40 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที และมั่นใจมีน้ำเพียงพอเพื่อการเกษตรและบริโภคในหน้าแล้ง เพราะน้ำต้นทุนจากเขื่อนป่าสักมีถึง 960 ล้าน ลบ.ม. จึงทำให้มีความพร้อมทั้งแผนการส่งน้ำและแผนการเพราะปลูก อีกทั้งในพื้นที่และแก้มลิงดังกล่าวนี้ ยังมีส่วนช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่การเกษตรทุ่งรังสิตมีรายได้เพิ่มจากการทำสวนปาล์มน้ำมัน ทดแทนการทำสวนส้ม ที่ประสบปัญหาผลผลิตตกต่ำจากดินเปรี้ยว รวมถึงสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้อีกด้วย

 

 

     จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้พบปะเยี่ยมเยียนประชาชน โดยกล่าวในตอนหนึ่งว่า ทุกอย่างที่ทำในวันนี้ ข้าราชการทำไม่ได้ทั้งหมด แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน ย้ำว่าให้ความสำคัญกับประชาชน อย่ามองเพียงหมู่บ้านของตัวเอง เพราะประเทศไทยมีกว่า 8 หมื่นหมู่บ้านที่อาจจะลำบากกว่า มีปัญหาแตกต่างกัน ปริมาณน้ำ และปลูกพืชต่างกัน บางพื้นที่ต้องยอมเสียสละเป็นพื้นที่รับน้ำ เพื่อรักษาส่วนใหญ่จึงต้องสร้างความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ และวันหน้าไม่แน่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่ได้มองเพียงในประเทศ แต่ต้องมองภาพต่างประเทศด้วย เพราะไม่ได้อยู่คนเดียว ต้องคุยกันทุกเรื่อง ทั้งเรื่องราคาข้าว หรือเรื่องน้ำ แต่ที่สำคัญต้องลดต้นทุนให้ได้

 

 

 

     พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวหยอกล้อชาวบ้านอีกด้วยว่า ไม่เห็นตนหรือ ในปี 54 ตนขึ้นบินอยู่แถวนี้ ทั้งนี้ขอให้ทุกคนให้กำลังใจข้าราชการ ถ้าข้าราชการไม่ดีก็บอกตนมา ซึ่งขณะนี้ปัญหาทุกอย่างตนสั่งการหมดแล้ว แต่ต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ ต้นทุนน้ำ การบริหารจัดการเชิงโครงสร้างของรัฐบาลและการจัดการน้ำเชิงพื้นที่ การใช้น้ำให้เหมาะสมกับการอุปโภคบริโภค

 

     อย่างไรก็ตาม ตนไม่โทษใคร แต่ต้องช่วยกันหาทางออกให้ได้ ทำในสิ่งที่ทำได้ก่อน อย่าเอาความขัดแย้งขึ้นมาทะเลาะกัน ซึ่งขณะนี้โครงการมีปัญหาเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะต้องมี แต่ปีนี้ตนจะยังทำอยู่ แต่ทำให้เล็กลง เพื่อเป็นตัวอย่างก่อน ทั้งเรื่องน้ำ ขยะ และไฟฟ้า ไม่เช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ได้

 

 

 

 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความเสียหายในช่วงน้ำท่วม จึงต้องปรับโครงสร้างให้เสียหายน้อยลง โดยในพื้นที่รับน้ำหรือแกมลิง รัฐบาลก็จะชดเชยให้ แต่หากปลูกพืชพร้อมกันหมดแล้วมาขอชดเชยรัฐบาลจะนำงบประมาณจากไหน แต่ตนเข้าใจว่าทุกคนมีปัญหา โดยเฉพาะหนี้สินชาวนามากกว่างบประมาณแผ่นดินเสียอีก ซึ่งรัฐบาลพยายามหาทางชะลอหนี้ และนำหนี้เข้าสู่ระบบ ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำให้ เพราะไม่อยากรบกับใคร แต่ตนรบกับทุกคน เพื่อให้คนรุ่นหลังสบายขึ้น

 

 

 

 

     ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าวันนี้ทำอย่างที่ตนพูด เชื่อว่าจะดีขึ้น ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ขอเพียงอย่าตีกันเท่านั้น ประชาธิปไตยที่ผ่านมายังไม่มีระบบเกิดขึ้น แต่อย่างไรเราก็ต้องเป็นประชาธิปไตย ตนเข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านเท่านั้น ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับทุกคนว่า จะเอาอย่างที่ตนพูดหรือเอาอย่างเดิม ซึ่งเมื่อถึงช่วงนี้ชาวบ้านตอบกลับว่า เอาแบบที่นายกรัฐมนตรีพูด เพราะอนาคตของเราฝากไว้ที่นายกฯ อยู่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า ฝากไว้ที่ตนคนเดียวไม่ได้ เพราะมีทั้งกำนัน อบต.ที่มาจากการเลือกตั้ง ประชาชนจึงต้องมีความคิดของตัวเองและเลือกคนที่ดีเข้ามา ต้องคิดนอกกรอบ แต่ต้องเอามาอยู่ในกรอบให้ได้ วันนี้ดีใจที่ได้พูดคุยกับเยาวชนรุ่นใหม่ เพื่อวันหน้าไม่ให้ลำบากเหมือนพ่อแม่ เพราะจะยิ่งแย่กว่าเดิม และขอให้ยึดหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงอยู่ในใจพวกเราเสมอ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ด้วย

 

 

 

เรียบเรียงโดย : นิตติยา  สำนักข่าวทีนิวส์