"วท."จับมือ"อภัยภูเบศร" ดันฮับเมืองนวัตกรรมอาหารภาคตะวันออก จ่อเซ็นMOUกลางธ.ค.นี้

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 22 พ.ย.)   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงานเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ ฟู๊ดอินโนโพลิส กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  นำโดย ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ ซีอีโอโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร ได้เข้าหารือกับ ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร รองผู้อำนวยการ ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งเป็นผู้วิจัยและเป็นผู้ขับเคลื่อนด้านสมุนไพรหลักของโรงพยาบาลฯ


ดร.อัครวิทย์  ได้อธิบายภาพรวมของโครงการที่จะสามารถสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากการวิจัยต่อเนื่องของโรงพยาบาลเจ้าพระอภัยภูเบศรเข้าสู่การใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหาร   " ด้วยความพร้อมในหลายด้านของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการวิจัย พัฒนา นวัตกรรมสมุนไพร และ สารกัดสมุนไพร ตลอดจนอาหารเสริมสุขภาพ โครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร เห็นว่าโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สามารถเป็นฮับเมืองนวัตกรรมอาหารภาคตะวันออกได้ และจะเป็นต้นแบบในการขยายผลไปสู่หัวเมืองต่าง  ในอนาคต โดยทางโครงการฯ มีกำหนดจะไปโรดโชว์ในราวต้นปีหน้า" 

ด้าน ดร.สุภาภรณ์  กล่าวว่า โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร  มีความยินดีที่จะร่วมมือกับโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร เนื่องจากขณะนี้ทางโรงพยาบาลฯ เองได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในส่วนของอาหารสมุนไพรในรูปแบบของอาหารฟังก์ชั่น น้ำสมุนไพร โดยแปรรูปจากสมุนไพร ออกานิกส์ 100%  โดยควบคุมการผลิตเองตั้งแต่การปลูก การพัฒนา จนถึงกระบวนการผลิตโดยไม่ผ่านการเติมสารเคมี และสารเจือปนอื่นๆ ตลอดจนได้ทำการวิจัยสมุนไพรหลายตัวที่มีสรรพคุณเหมาะสำหรับพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหรือ อาหารฟังก์ชันสำหรับทุกช่วงวัย และในรายที่ต้องได้รับการตอบสนองเฉพาะกลุ่ม เช่น นักกีฬา  โดยกำลังอยู่ในช่วงของการวิจัยและพัฒนา แต่ยังติดขัดด้วยเรื่องการออกแบบแพคเกจจิ้ง  ตลอดจนการผลิตในระดับทดลองและระดับอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพ

 

ดร.อัครวิทย์ กล่าวเพิ่มเติม ภายหลังการหารือ ว่า  ทีมงานเมืองนวัตกรรมอาหาร  รับที่จะไปหารือกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสาตร์ฯ โดยเฉพาะทางสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)   เนื่องจากมีศักยภาพในการที่จะแก้โจทย์ปัญหาด้วยเทคโนโลยีในการผลิตน้ำผลไม้  ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณบูรณาการจากโครงการเมืองนวัตกรรมอาหารไปแล้ว  และยังสามารถช่วยในเรื่องของการผลิตอาหารขบเคี้ยวได้อีกด้วย  นอกจากนี้ หากมีภาคเอกชนที่มีความพร้อม ก็สามารถที่จะรับถ่ายทอดเทคโนโลยีและงานวิจัยจาก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้   ขณะเดียวกันโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเอง ก็ต้องการนักวิจัยจากภาครัฐหรือผู้ที่จะสามารถทำงานได้ตรงกับทางโรงพยาบาลฯ  เนื่องจากมองว่า หากมีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก ของเครือข่ายได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดโรงงานเพิ่มให้สิ้นเปลืองงบประมาณ  สำหรับความร่วมมือนั้น คาดว่าจะดำเนินการได้ราวกลางเดือนธันวาคม โดยจะเป็นการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และกระทรวงสาธารณสุข