ข่าวนี้..หนาวแทนเลย!!อธิบดี DSI เรียก2ขรก.รับข้อหาผิดวินัย+อาญารับส่วยคลองจั่น40 ล. "บิ๊กต๊อก"ย้ำล่าคนสั่งการมาลงโทษให้ได้!!?!!

 

 

     จากกรณีข้าราชการดีเอสไอ 2 ราย มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับเงิน 40 ล้านบาท ในคดีฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ก่อนถูกพักสั่งงานและเตรียมสอบสวนความผิดทางวินัย เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (อ่านข่าว: เชือดทิ้งแล้ว!!! “อธิบดี ”สั่งพักงาน2จนท.ดีเอสไอรับสินบน40ล้าน“ศุภชัย” จ่อเช็คบิลอีก10 ???) ล่าสุด พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการสอบสวนเอาผิดทางวินัยดังกล่าวว่า

 

 

 

 

     หลังมีการแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฟอกเงินแล้ว ตนได้สั่งพักราชการพร้อมตั้งกรรมการสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรงกับข้าราชการทั้ง 2 ราย มอบหมายให้ พ.ต.ท.เชน กาณจนาปัจจ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน ได้รับรายงานว่าการสอบสวนคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จก่อนครบกำหนด 30 วัน เนื่องจากมีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน

 

 

 

     โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเรียกบุคคลทั้ง 2 เข้ารับทราบข้อกล่าวหา เพราะความผิดวินัยร้ายแรงครั้งนี้มีความผิดอาญาพ่วงอยู่ด้วย ซึ่งนอกเหนือจากคดีฟอกเงินตามที่รับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว ส่วนกรณีที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กำชับให้ขยายผลการสอบสวนไปยังผู้อยู่เบื้องหลังหรือผู้สั่งการด้วยนั้น  ยืนยันว่าจะสอบสวนไปตามพยานหลักฐานให้จนสุดทาง หากพบหลักฐานเกี่ยวพันกับบุคคลใดเพิ่มเติมก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด

 

 

 

 

     การสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกและฉ้อโกงสหกรณ์คลองจั่นฯ ว่า การสอบสวนมีความคืบหน้าในทุกคดี โดยเฉพาะการสอบสวนเส้นทางการเงินซึ่งพนักงานสอบสวนมีข้อมูลธุรกรรมการเงินครบถ้วนแล้วหลังจากนี้เป็นขั้นตอนเรียกผู้เกี่ยวข้องรับทราบข้อหา

 

 

 

     อย่างไรก็ตาม กรณีผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่นฯ จะเข้าสอบถามถึงการทำงานหลังมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนนั้น ดีเอสไอพร้อมให้เข้าพบเพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดี ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนยังเป็นชุดเดิมทั้งหมด มีการเปลี่ยนแปลงเพียงหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งมอบให้พ.ต.ต.สุริยา  สิงหกมล  รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้รับผิดชอบแทน พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ที่ย้ายไปรับราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

 

 

 

เรียบเรียงโดย กำพลาภร สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณข้อมูล คมชัดลึก