เบื้องลึก..เบื้องหลัง!!! "พล.ท.นันทเดช" เจาะประเด็นร้อนสปป.ลาวไล่บี้พวกหมิ่นสถาบันฯ เพราะกระแส"ฮักเจ้ามหาชีวิตไทย"กดดันให้ยอมเปลี่ยนท่าที??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

ถือเป็นประเด็นข่าวที่ถูกเปิดมาระยะหนึ่ง สำหรับมาตรการที่รัฐบาลสปป.ลาวดำเนินการกับพวกหมิ่นสถาบันเบื้องสูงของไทยที่เข้าอาศัยแผ่นดินสปป.ลาวเป็นแหล่งหลบซ่อน  และทำให้เป็นที่คาดหวังว่าคนเหล่านั้จะถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยในเร็ววัน !!'

 

เบื้องลึก..เบื้องหลัง!!! "พล.ท.นันทเดช" เจาะประเด็นร้อนสปป.ลาวไล่บี้พวกหมิ่นสถาบันฯ เพราะกระแส"ฮักเจ้ามหาชีวิตไทย"กดดันให้ยอมเปลี่ยนท่าที??

(อีกไม่นาน...พวกหนักแผ่นดิน!!! "สมชาย แสวงการ" โพสต์ปท.เพื่อนบ้านสั่งเด็ดขาดห้าม"แดงใต้ดิน"หมิ่นเบื้องสูงไทยอีก เตือนไม่หยุดเนรเทศทันที ??  http://deeps.tnews.co.th/contents/213794/ )

 

ล่าสุด  พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรอง ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์แสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวผ่านข้อความดังนี้ “ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสปป.ลาวต่อรัฐบาลไทยหลายยุคสมัย  แม้จะดูลุ่มๆ ดอนๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างประมุขของประเทศกลับเข้าใจกันมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งจะเห็นได้ว่า สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ ไปร่วมงานสงกรานต์ที่สถานเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทยทุกปี ดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่ของ สปป.ลาวจึงให้ความรักและความเคารพต่อในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของไทยสูง ใกล้เคียงกับคนไทยเลยทีเดียว

 

เบื้องลึก..เบื้องหลัง!!! "พล.ท.นันทเดช" เจาะประเด็นร้อนสปป.ลาวไล่บี้พวกหมิ่นสถาบันฯ เพราะกระแส"ฮักเจ้ามหาชีวิตไทย"กดดันให้ยอมเปลี่ยนท่าที??

 

เบื้องลึก..เบื้องหลัง!!! "พล.ท.นันทเดช" เจาะประเด็นร้อนสปป.ลาวไล่บี้พวกหมิ่นสถาบันฯ เพราะกระแส"ฮักเจ้ามหาชีวิตไทย"กดดันให้ยอมเปลี่ยนท่าที??

 

หลังเกิดหตุการณ์รัฐประหารชึ้นในปี ๒๕๕๗ คนไทยกลุ่มหนึ่งได้ทยอยหลบหนีความผิดไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้ง สปป.ลาว ซึ่งมีจำนวนมากที่สุด เพราะ

            ๑. ความใกล้ชิดเป็นเพื่อนกันระหว่างนักการเมืองไทย กับข้าราชการ สปป.ลาวบางคน รวมถึงการมีชีวิตความเป็นอยู่ ภาษา และวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันด้วย

            ๒. ความใกล้ชิดกับนายบ่อนการพนันบางคน

            ๓. การมีสามี หรือภรรยา เป็นชาว สปป.ลาว

 

ความคุ้นเคยกันเช่นนี้ จึงทำให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวข้ามไปอยู่ฝั่ง สปป.ลาว –ข้ามกลับมาไทย เกือบเป็นเรื่องปกติ แต่หลังการรัฐประหาร ๒๕๕๗ บุคคลกลุ่มนี้กลับไม่ได้ไปอยู่อย่างปกติ แต่ไปรวมหัวกันตั้งสถานีวิทยุออนไลน์ผ่านยูทูปโจมตีรัฐบาลไทย เชื่อมโยงไปถึงราชวงศ์ไทยด้วย ได้แก่ “สถานีไทยเสรีเพื่อสาธารณรัฐไทย” (YAMMY revolution และ Faiyen Channel) ซึ่งคนไทยกลุ่มนี้แย่งชิงกันทำงานจนทะเลาะกันเอง เพื่อรอรับเงินสนับสนุนจาก “กลุ่มนักการเมืองไทยพลัดถิ่น” กันอย่างสุนกสนาน มีการติดต่อเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ ในสหรัฐฯ และยุโรปด้วย บางครั้งมีการสัมภาษณ์ข้ามทวีปจาก สปป.ลาวไปสหรัฐฯ หรือเดินทางไปเยี่ยมเยียนกันเป็นที่เอิกเกริก

 

ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ ใน สปป.ลาว กับกลุ่มลาวฝ่ายขวาหลายกลุ่ม ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ก็สามัคคีกันมากขึ้นตามลำดับ เพราะเวลาจัดประชุม สัมมนา หรือต้อนรับนักการเมืองไทยบางคนที่ไปเยี่ยม ก็อาศัย “กลุ่มลาวฝ่ายขวา” ปลอมตัวมาเป็น “คนไทยในสหรัฐฯ” เพื่อเพิ่มจำนวนคน ให้ดูเยอะขึ้นด้วย เรื่องแบบนี้ทางรัฐบาล สปป.ลาวจะทำเฉยต่อไปก็ไม่ได้แล้ว ศัตรูของ สปป.ลาว คือ “ลาวฝ่ายขวา” ซึ่งยังมีกองกำลังต่อต้านอยู่ใน สปป.ลาว แต่กลับร่วมมือกับกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ ไทยซึ่งหนีไปรวมตัวกันอยู่ที่ สปป.ลาว

หลังจากการเสด็จสู่สวรรคาลัยของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งนำความโศกเศร้าไม่รู้จบสิ้นมาสู่ชาวไทย ทางฝั่ง สปป.ลาวนั้นประชาชนก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน มีการเผยแพร่ข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของไทยอย่างกว้างขวาง โดยเรียกว่า “เจ้ามหาชีวิตไทย”

 

เบื้องลึก..เบื้องหลัง!!! "พล.ท.นันทเดช" เจาะประเด็นร้อนสปป.ลาวไล่บี้พวกหมิ่นสถาบันฯ เพราะกระแส"ฮักเจ้ามหาชีวิตไทย"กดดันให้ยอมเปลี่ยนท่าที??

สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ทั้งเว็บไซต์และเฟซบุ๊กของชาว สปป.ลาว เต็มไปด้วยเรื่องของ “เจ้ามหาชีวิตไทย” หลายสิบเว็บไซต์/เพจได้เผยแพร่ถึงพระราชกรณียกิจ และคุณความดีของพระองค์ รวมถึงโครงการพระราชดำริต่างๆ ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ช่วยเหลือประชาชนชาว สปป.ลาว จนเกิดกระแส “ฮักเจ้ามหาชีวิตไทย” อย่างสูงขึ้นใน สปป.ลาว ดังนั้นการร่วมมือกับรัฐบาลไทยในห้วงเวลานี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของรัฐบาล สปป.ลาว เพราะจะได้ใจของทั้งประชาชนไทย และประชาชน สปป.ลาวเองไปพร้อมๆ กันด้วย

 

ข่าวคราวที่เกิดขึ้นในเรื่องการปิดสถานีวิทยุออนไลน์ต่างๆ ของกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ ที่ตั้งอยู่ใน สปป.ลาว จึงเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือได้ ส่วนข้อมูลการอยู่ใน สปป.ลาวของกลุ่มคนไทยต่อต้านสถาบันฯ เกือบทุกคนนั้นอยู่ในมือของรัฐบาลทั้ง ๒ ประเทศครบถ้วนแล้ว ก็คิดว่าทาง “ผู้สนับสนุน” คงหาทางย้ายแกนนำบางคนไปอยู่ที่สหรัฐฯ แทน ส่วนที่เหลือก็ให้อยู่ทำมาหากินกันเงียบๆ ต่อไป สำหรับพวกที่คิดว่าสหรัฐฯ เป็นสวรรค์ ก็รอดู “ทรัมป์” ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีเต็มตัวในเดือนมกราคม ปีหน้า แล้วจะรู้สึกว่า “นรก” นั้นมีจริงๆ ครับ???

 

เรียบเรียงข่าว  :  ชัชรินทร์  สำนักข่าวทีนิวส์