นักวิชาการอยากดัง..จัดให้!!!  "ชาวเพจ"กระซวก "อ.เจษฎา" โกหก..บิดเบือน  กล่าวหากปปส.ต้นเหตุุศก.ไทยพัง ทีกับเสื้อแดงเผาเมือง#เงียบปาก??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

นอกเหนือจาก BBC ไทยที่สร้างความรู้สึกขุ่นมัวให้กับคนไทยในประเด็นการนำเสนอบทความที่ถือเป็นการล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงของประเทศไทยแล้ว  อีกหนึ่งกรณีที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่มาโดยตลอด ก็คือการแสดงความเห็นในลักษณะบิดเบือนของนักวิชาการที่มีความนิยมชมชอบทางการเมือง จนไม่สามารถแยกแยะบทบาทได้  ??

 

ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก “ปราชญ์  สามสี”  ได้โพสต์ข้อความถึงนักวิชาการคนดังที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การจัดกิจกรรมทางการเมืองของกปกส.  ด้วยข้อความว่า  “มันมีกระบวนการหนึ่งที่พยายามในหมู่พวก เครือข่ายขบวนการล้มชาติ คือการออกมาพูด ว่าประเทศชาติล้มเพราะกปปส.,ประชาธิปัตย์หรือล้มเพราะการรัฐประหาร .... ที่หนักกว่านั้น ก็ถึงกับพูดว่า"ประชาธิปัตย์เผาบ้านเผาเมือง"

 


เรื่องเหล่านี้ไม่ไช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นโดย การพยายาม ของฝ่ายกลุ่มที่สนับสนุน ขบวนการคนเสื้อแดง ฝ่ายวิชาการ กลุ่มนึงที่พยายาม "บิดเบือน" ด้วยการ "พูดซ้ำๆ" ย้ำๆ ให้คนเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน นั้นคือการพยายาม บิดเบือนที่ได้ผลที่สุด ตามทฤษฎีการสื่อสารว่าด้วยเรื่องการจดจำ (หากใครที่ เคยเรียน ทฤษฎี การวางเงื่อนไข - classical conditioning theory "หมาน้ำลายไหล - สั่นกระดิ่ง" ก็จะเข้าใจครับ)

หากจะหากรณีที่คนไกล้เคียงหน่อยก็จะมี เรื่องทฤษฎี ที่อดอฟ ฮิตเลอร์ และ เลนิน พูด คล้ายๆกัน ก็ คือ "lie often enough and it becomes truth" -"โกหกบ่อยๆและจะทำให้กลายเป็นความจริง" ซึ่งทฤษฎีนี้ กลายเป็นที่นิยม ของนักการเมืองในยุคหลังๆมานี้มาก เพราะ สามารถโกหกจนบิดเบือนได้จริง

ในกรณี โกหกว่า "ประชาธิปัตย์เผาบ้านเผาเมือง" นี้ก็เหมือนกัน มันคือวิธีของคนบางกลุ่มพยายามพูด หรือเขียนงานเขียนลงในสื่อหลายประเภท แม้ว่าการโกหกเหล่านี้ จะไม่ส่งผลมากมายนักเพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียง ไม่ถึง ๑๐ปี

และถ้ามันมีจำนวนมากพอและมีการโกหกในระยะยาวนานเพียงพอ มันก็จะส่งผลระยะยาว ทำให้เกิดความ คลาดเคลื่อนความใจของคนบางกลุ่มได้ โดยเฉพาะ กลุ่มเด็กเยาวชน ที่โตไม่ทันรู้ความ ปี๒๕๕๓ ...


มันเป็นความพยายาม ผลักความผิดไปหากลุ่มอื่น หรือพยายาม ลบความผิดในอดีต ด้วยการบิดเบือนฝังลงไปในระบบการเรียนรู้ เหมือนกับที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ในอดีต และนี่แหล่ะครับกระบวนการอุปโลกน์ประวัติศาสตร์ขึ้นมาแบบนึง

 

นักวิชาการอยากดัง..จัดให้!!!  "ชาวเพจ"กระซวก "อ.เจษฎา" โกหก..บิดเบือน  กล่าวหากปปส.ต้นเหตุุศก.ไทยพัง ทีกับเสื้อแดงเผาเมือง#เงียบปาก??

 

กรณี ของสุชาติ สวัสศรี นั้นพยายามบิดเบือน เหตุการณ์ ความรุนแรงของคนเสื้อแดง อย่างไม่น่าให้อภัย จนต้องทวงถามจริงๆว่า จำได้ไหมว่า แกนนำคนเสื้อแดงเองไม่ไช่หรือที่พูดว่าเอาน้ำมันคนละลิตรเผาให้กทม.เป็นทะเลเพลิง?

 

นักวิชาการอยากดัง..จัดให้!!!  "ชาวเพจ"กระซวก "อ.เจษฎา" โกหก..บิดเบือน  กล่าวหากปปส.ต้นเหตุุศก.ไทยพัง ทีกับเสื้อแดงเผาเมือง#เงียบปาก??



ส่วนกรณี อ.เจษฎา ก็เช่นกันแต่เป็นการบิดเบือนประเด็นไปในเรื่องประวัติศาสตร์ ช่วง กปปส.อีกเช่นกัน โดยเฉพาะ เรื่องข้อเท็จจริงที่ว่า ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๗.นี่  โกตี่ เสื้อแดงฮาร์ดคอร์ ยังถ่ายรูปคู่มีดสปาต้าอยู่เลยครับ ส่วนขบวนการแดงเวลานั้นก็สะสมอาก้า หัวจรวดอาพีจี และ ถ้าจำได้ว่า โกตี๋ยังพูดออกสื่อนอกว่า"จะรบจะแบ่งแยกดินแดน" อยู่เลย และสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ ทหารต้องออกมาทำการยุติความขัดแย้งทั้งหมดไม่ไช่หรือ?

 

นักวิชาการอยากดัง..จัดให้!!!  "ชาวเพจ"กระซวก "อ.เจษฎา" โกหก..บิดเบือน  กล่าวหากปปส.ต้นเหตุุศก.ไทยพัง ทีกับเสื้อแดงเผาเมือง#เงียบปาก??



อ.เจษฎา จำไม่ได้หรือว่า มีเด็กห้าขวบผู้บริสุทธิ์ที่เดินห้างอยู่ราชประสงค์โดนระเบิดมือจากฝ่ายคนเสื้อแดง ...?



อ.เจษฎา ครับ..การโกหกไปวันๆแบบนี้ เขาเรียกว่าXXX นะครับ

 

ปล. บ้านเมืองสมัยนี้มันยุค อินเตอร์เน็ต ยุคYoutube แล้ว ไม่ไช่ยุคที่ยังส่งนกพิราบอยู่นะครับ อ.เจษฎา ???

 

( หมายเหตุ :  สัญญาณอันตรายสิ่งสิ่งพิมพ์ในยุคดิจิตอลมาถึง   ?? )

 

 " ดร.สุดารัตน์ ดิษยวรรธนะ จันทราวัฒนากุล  คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ สถาบันจัดการปัญญาภิวัฒน์ ผู้ทำวิจัยเรื่องการเปลี่ยนผ่านของหนังสือพิมพ์ไทยไปสู่ยุคดิจิตอล กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีการสื่อสารทำให้หนังสือพิมพ์ในต่างประเทศกำลังประสบปัญหาจำนวนผู้อ่านลดลง ซึ่งหมายถึงเม็ดเงินจากโฆษณาที่ลดลงต่อเนื่องด้วย ทำให้สื่อหลายสำนักต้องปฏิรูปองค์กร ปรับรูปแบบเนื้อหา พัฒนาศักยภาพนักข่าว และแสวงหาแหล่งรายได้อื่นเพิ่มเติม

 

ในส่วนของประเทศไทย แม้ยังไม่มีปรากฏการณ์ล้มละลายของหนังสือพิมพ์ให้เห็นเป็นรูปธรรม แต่ก็ถูกสื่อใหม่ดึงงบโฆษณาไปมาก และข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศและการสื่อสาร ปี 2551 ก็พบว่า คนไทยถึง 31,919,617 คน ระบุว่าไม่อ่านหนังสือพิมพ์ โดยเหตุผลที่มีผู้ให้มากที่สุดคือ สนใจสื่อประเภทอื่นมากกว่า หลักฐานเหล่านี้บ่งบอกได้ว่า หากหนังสือพิมพ์ไม่ปรับตัวหรือปรับตัวไม่ทันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะล้มหายตายจาก"



 

เรียบเรียงข่าว  :   ชัชรินทร์   สำนักข่าวทีนิวส์