อดีตปปช.ชี้ "ศานิตย์"รับเงินเดือนจากเอกชนไม่ได้!!! เข้าข่ายผิด ก.ม.ปปช. ม.103 ขรก.ทุกคนต้องไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน(รายละเอียด)

อดีตปปช.ชี้ "ศานิตย์"รับเงินเดือนจากเอกชนไม่ได้!!! เข้าข่ายผิด ก.ม.ปปช. ม.103 ขรก.ทุกคนต้องไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน(รายละเอียด)

จากกรณีที่พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. เมื่อครั้งรับตำแหน่ง ปรากฏว่าได้รับเงินเดือนเดือนละ 50,000 บาท จากบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)   นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เบื้องต้นหากพิจารณาตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 ห้ามเพียงนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี ผู้บริหารท้องถิ่น เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียหรือเป็นคู่สัญญากับเอกชน ขณะที่ตำแหน่งข้าราชการไม่ได้ถูกห้ามตามมาตราดังกล่าว ส่วนเรื่องความเหมาะสมด้านจริยธรรม หรือเข้าข่ายขัดกันระหว่างผลประโยชน์หรือไม่นั้น ถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณา

ด้านนายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ระบุกรณีดังกล่าวเมื่อมีผู้นำไปร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว หากเข้าข่ายการพิจารณาของป.ป.ช. ผู้ตรวจฯ ก็จะส่งมา หลังจากนั้น ป.ป.ช. ต้องพิจารณาว่ามีหลักฐานในการรับเงินจากเอกชนชัดเจนหรือไม่

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องว่า ไม่ควรรับเงินจากเอกชน แต่ถ้าเข้าเหตุก็ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เพราะถ้าดูจากพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 103 กำหนดไว้ชัดเจนว่าข้าราชการทุกคนต้องไม่มีผลประโยช์ทับซ้อน” นายวิชา กล่าว

ทั้งนี้ มาตรา 103 ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 บัญญัติว่า ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด และมาตรา 122ได้กำหนดโทษไว้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 103ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

 

 

 

รายงานโดย   นาตยา เอนกธนะเศรษฐ์   สำนักข่าวทีนิวส์