ไม่ได้หายไปไหน ..ยังเป็นพลเมืองที่ดี !!! "ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล"โพสต์เฉ่งหน่วยราชการยับปล่อยปะถนนเลี่ยงเมืองฯโทรมสุดๆ#ควรหลีกเลี่ยง !!?!!

ถึงแม้จะไม่ได้อยู่เบื้องหน้าจอโทรทัศน์เหมือนในอดีต   แต่ดร.สมเกียรติ  อ่อนวิมล  นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน   ยังคงทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองที่ดีในสังคม  ผ่านโลกโซเชียลอย่างสม่ำเสมอ   อย่างเช่นล่าสุด  ดร.สมเกียรติ   ได้ทวิตภาพจำนวนหนึ่งแสดงให้เห็นปัญหาด้านสุขภาวะ-สิ่งแวดล้อมบริเวณโดยรอบถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด  โดยเฉพาะเศษขยะที่ถูกปล่อยเกลื่อนริมถนน   ฟุตปาธที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก   

 

 

ทั้งนี้ตามข้อมูลพบว่า  ถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด หรือ ทางหลวงชนบท นบ.3019  เป็นถนนที่มีอาณาบริเวณตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองนนทบุรีและอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี  โดยมีแนวสายทางเริ่มจากถนนสามัคคีบริเวณใกล้กับจุดตัดถนนติวานนท์ ไปทางทิศเหนือ  ตัดข้ามถนนแจ้งวัฒนะ จากนั้นจึงโค้งไปทางทิศตะวันตก บรรจบกับถนนติวานนท์

 

โดยแรกเริ่มถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ดสร้างขึ้นเพื่อให้รถที่ต้องการไป-กลับระหว่างจังหวัดนนทบุรีกับจังหวัดปทุมธานี  สามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องผ่านห้าแยกปากเกร็ด  เนื่องจากถนนติวานนท์ช่วงห้าแยกปากเกร็ด จะมีรถสัญจรจำนวนมากและไม่มีไหล่ทาง ทำให้การจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน  ซึ่งปัจจุบันแม้ว่าจะช่วยแก้ปัญการจราจรได้จริงและสภาพพื้นที่หลายจุดมีปัญหาตามภาพที่ ดร.สมเกียรติ  สะท้อนผ่านโลกโซเชียล

 

สภาพความทรุดโทรมของถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ในมุมมองของดร.สมเกียรติ

 

ขณะเดียวกับปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้   ทางด้าน  พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน  รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  เปิดเผยว่า  ขณะนี้ได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขอให้ช่วยสำรวจพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการก่อเหตุอาชญากรรม  อาทิ  บริเวณป้ายรถเมล์ พื้นที่รกร้าง เพิงร้าง อาคารร้าง เป็นต้น ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมตัดวงจรการก่ออาชญากรรม ตามนโยบายปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ของพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. โดยเมื่อสำรวจพื้นที่ดังกล่าวได้แล้วให้ส่งมายังกทม. เพื่อให้สำนักงานเขต 50 เขต ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขสภาพแวดล้อม อาทิ ถางพงหญ้าและวัชพืชให้โล่งเตียน ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างในพื้นที่เปลี่ยว และกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ซึ่งจะให้ทุกสำนักงานเขตเก็บข้อมูล และถ่ายภาพทั้งก่อนดำเนินการและหลังดำเนินการด้วย

 

“นอกจากนี้กทม.จะดำเนินการเครือข่ายเฝ้าระวังความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 24 ชั่วโมง รวมศูนย์ข้อมูลและเชื่อมโยงเทคโนโลยีการเฝ้าระวัง พร้อมบริหารจัดการและแก้ไขเหตุการณ์ทันท่วงที 24 ชั่วโมง นำร่องในพื้นที่ชั้นใน ย่านธุรกิจ และจุดเชื่อมต่อคมนาคม”

 

         

ขณะเดียวกันว่ามีรายงานข่าวระบุว่า  ในพื้นที่รกร้างซึ่งมีผู้ครอบครองนั้น กทม.จะประสานขอความร่วมมือกับเจ้าของที่ดินให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเองก่อน หรือให้ดำเนินการล้อมรั้วหากไม่ดำเนินการกทม.จะเข้าไปปรับและติดตั้งและจะเรียกค่าใช้จ่ายจากเจ้าของที่ดิน อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายที่ดินมาตรา 6 หากเจ้าของที่ดินปล่อยที่ดินทิ้งร้างไว้เกิน 10 ปี กทม.สามารถฟ้องร้องต่อศาลเพื่อยึดเป็นของรัฐต่อไป แต่ในเบื้องต้นมาตรการดังกล่าว กทม.จะดำเนินการเป็นมาตรการสุดท้าย

 

เรียบเรียงข่าว  :   ชัชรินทร์  สำนักข่าวทีนิวส์