การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจแล้ว สนช.ใช้เวลา58นาทีแก้พรบ.3วาระรวด

 

 

 

สวัสดีครับแฟนข่าวทีนิวส์ วันนี้วันที่ 29 ธ.ค. 2559 ก็เรียบร้อยโรงเรียนสนช.แล้วสำหรับการแก้ไขร่างพรบ.คณะสงฆ์ ซึ่งมุ่งไปที่การแก้ไขมาตรา 7 แต่เดิมกำหนดว่าการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชนั้นให้เป็นหน้าที่ของพระมหากษัตริย์แต่ได้มีวรรคถัดมากำหนดเอาไว้ว่า จะต้องเป็นผู้ที่เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุด และหากผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ให้เรียงลำดับถัดลงมาโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม และมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ การแก้ไขใหม่ก็ตัดเรื่องของความอาวุโสและการเห็นชอบของมหาเถรสมาคมออกไป

 

 

แน่นอนล่ะครับ ทันทีที่เกิดประเด็นนี้ขึ้นกระแสการคัดค้านก็ได้ตามมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่เปิดตัวออกมาคือพระเมธีธรรมาจารย์หรือท่านเจ้าคุณประสาร ที่ได้แสดงอย่างชัดเจนว่าจะเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างแน่นอน ถึงเมื่อวันนี้ สนช.ได้พิจารณาร่างพรบ.ฉบับนี้ 3 วาระรวดครับ ใช้เวลาเพียง 58 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย ปรากฏว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ท่าทีของพระเมธีธรรมาจารย์หรือท่านเจ้าคุณประสารเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่วายแสดงความเห็นว่าตนเองนั้นไม่ได้คัดค้านอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช เพราะกฏหมายเดิมก็มีอยู่แล้ว เพียงแต่คัดค้านการไม่เรียงลำดับอาวุโสของสมเด็จพระราชาคณะเท่านั้น

 

 

 

ซึ่งตรงนี้แหละครับเป็นเนื้อหาสาระสำคัญที่มีการแก้ เพราะการเรียงลำดับอาวุโสนั้นแสดงว่ากฏหมายบังคับไว้ว่าเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ยังไงก็เรียงไปอย่างนั้นแล้ว ซึ่งตำแหน่งหน้าที่สำคัญในประเทศไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัด อธิบดีหรือใครก็ตามแต่ ไม่ได้ถือเอาเรื่องอาวุโสเป็นที่สุด จะต้องเป็นเรื่องของความเหมาะสมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถึงจะทำให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพ ก็หวังว่าเรื่องราวทั้งหลายจะจบลงด้วยดี.

 

 

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย กำพลาภร สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณ แฟนข่าวทีนิวส์กับสนธิญาณ