ว่ากันเข้าไป..ไม่เคยเข็ดหลาบ!! "อ.ตุ้ม" นัดเสื้อแดงรวมตัวรพ.สอบอาการ"ตู่ จตุพร" อ้างสงสัยคนแข็งแรงจะติดเชื้อง่ายๆได้ยังงัย??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

หลังจากพ้นโทษมาไม่นานสำหรับ นางสุดสงวน สุธีสร หรืออาจารย์ตุ้ม อาจารย์ประจำ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ล่าสุดโพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนคนเสื้อแดงให้มารวมตัวให้กำลังใจนายจตุพร พรหมพันธุ์  ประธานนปช.ที่อยู่จองจำในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ     และเกิดอาการป่วยจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

 

ทั้งนี้นายจตุพรถูกคุมขังเนื่องจากศาลอาญาสั่งถอนประกันตัว  หลังกระทำผิดเงื่อนไขไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล   โดยการไปพูดในทางเสียดสี ประชด ประชัน ตำหนิการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บิดเบือนการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี กล่าวหาหน่วยงานของรัฐกระทำการโดยมิชอบ คุกคาม กดดันการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ พูดโจมตีบุคคลต่างๆ ในลักษณะดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทผู้อื่น พูดยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมืองผ่านรายการโทรทัศน์ PEACE TV , เว็บไซต์ , ยูทูป และสื่อสาธารณะอื่น

โดยนางสุดสงวน  หรือ อาจารย์ตุ้มของมวลชนคนเสื้อแดง  ได้โพสต์ข้อความที่สื่อนปช.นำมาเผยแพร่ในทวิตเตอร์  ว่า  “ประกาศพี่น้องหัวใจสีแดง  4 มกราคม 2560  เจอกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์  เราต้องไปเพื่อเยี่ยมเยียม/ติดตาม/ตรวจสอบว่าคุณจตุพร (หัวหน้าหมู่ทะลวงควัน ประธานนปช.) มีอาการเป็นอย่างไร การไม่ให้ประกันตัวเป็นสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมาย  ทำให้คนบริสุทธิ์ที่คิดต่างต้องมาป่วยในคุกหรือ ? …. “

 

ว่ากันเข้าไป..ไม่เคยเข็ดหลาบ!! "อ.ตุ้ม" นัดเสื้อแดงรวมตัวรพ.สอบอาการ"ตู่ จตุพร" อ้างสงสัยคนแข็งแรงจะติดเชื้อง่ายๆได้ยังงัย??

ก่อนหน้านั้น ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ ลม.1/2557 ที่ผู้อำนวยสำนักการประจำศาลแพ่ง เป็นผู้กล่าวหา นางดารุณี กฤตบุญญาลัย , นางสุดสงวน สุธีสร หรืออาจารย์ตุ้ม อาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนาย พิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ (เสียชีวิตแล้ว) เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1- 3 กรณีประพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาล จากเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 นางดารุณี นักธุรกิจไฮโซ แนวร่วม นปช. กับพวก นำมวลชนจำนวนมาก รวมตัวกันที่หน้าอาคารศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษกแล้วมีการอ่านแถลงการณ์ วางพวงหรีด และชูป้ายวิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลแพ่ง คดีที่ กปปส. ฟ้องเพิกถอนการออกประกาศ ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาผูกติดไว้กับประตูรั้ว โดยศาลแพ่งไต่สวนและตรวจดูภาพที่บันทึกเหตุการณ์แล้วเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2557

 

 โดยศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่นางสุดสงวนขอให้ลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษนั้น ตามพฤติ การณ์เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุรอการลงโทษ และนางสุดสงวนเป็นบุคคลที่มีความรู้ทางกฎหมาย มีตำแหน่งหน้าที่เป็นอาจารย์ประ จำมหาวิทยาลัย ย่อมรู้ดีว่าคำพิ พากษาของศาลย่อมมีทั้งก่อความพอใจและความไม่พอใจแก่คู่ความ ได้ ซึ่งฝ่ายแพ้คดีย่อมมีสิทธิ์อุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป การนำคณะบุคคลมากดดันดุลยพินิจของศาล ย่อมเป็นการบ่อนทำลายสถาบันศาล ลิดรอนความเป็นอิสระของตุลาการ ให้เป็นไปตามอารมณ์ของคู่ความ นำไปสู่ความวุ่นวายโกลาหล ไร้ความมั่นคงของประเทศ เป็นการใช้กำลังข่มขู่ คุกคาม เพื่อให้ศาลยอมจำนนตามประสงค์ของฝ่ายตน แสดงถึงความเหิมเกริมไม่หวั่นเกรงกฎ หมาย ทั้งที่ตนมีความรู้ จึงไม่มีเหตุควรปรานี ที่ศาลอุทธรณ์พิ พากษาให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา จึงพิพากษากลับ ให้จำคุกนางสุดสงวน เป็นเวลา 1 เดือน ตามคำพิพากษาศาลแพ่ง

 

เรียบเรียง  : ชัชรินทร์  สำนักข่าวทีนิวส์