เลอะเทอะ !!! "จตุพร" ปูดแผนจ้องล้มปรองดอง ขุดคดีเก่าสร้างเงื่อนไข โดยเฉพาะคดีสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี สถานีโทรทัศน์พีซทีวีร่วมกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จัดรายการเวทีทัศน์สานเสวนาปรองดองครั้งที่ 3 โดยมีพล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. นางธิดา ถาวรเศรษฐ และนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. ร่วมเป็นวิทยากร โดยนายจตุพร กล่าวว่า เสียดาย 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีผู้มีอำนาจคนใดนำผลการศึกษาเรื่องปรองดองไปปฏิบัติจริงแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อเริ่มต้นการปรองดอง ก็มีมารมาขวางโดยหยิบยกคดีการสังหารพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ขึ้นมาพูดเพื่อยุยงให้พวกตนเป็นฝ่ายล้มการปรองดอง เพื่อให้เกิดความขัดแย้งและเป็นช่องให้บางกลุ่มได้ประโยชน์ เพราะหากบ้านเมืองเข้าสู่ระบบประชาธิปไตย คนบางพวกก็จะไม่มีบทบาท ดังนั้นเราต้องใช้ความอดทน การเริ่มนับหนึ่งประเทศใหม่ต้องมีกติการ่วมกัน ไม่ใช่ข้อตกลงระหว่างคู่ขัดแย้ง แต่เป็นข้อตกลงที่ให้กับประชาชนซึ่งหากใครละเมิดสัญญาที่ให้ไว้ ประชาชนก็จะจัดการกับคนเหล่านั้นเอง

ด้านพล.อ.เอกชัย กล่าวว่า เรื่องปรองดองนั้นอย่าเสียเวลาไปศึกษาใหม่ แต่ให้นำเรื่องการปรองดองที่ศึกษามาแล้วมาปรับใช้ ซึ่งเรื่องการเยียวยาถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องมีกฎหมายที่เป็นที่ยอมรับ ขณะเดียวกันหากมีการลงนามเอ็มโอยูร่วมกันก็ต้องเปิดการมีส่วนร่วมก่อนซึ่งการปรองดองต้องไม่เกิดจากการบังคับให้ทำ ทั้งนี้ความขัดแย้งต้องไม่มุ่งที่ตัวบุคคล เพราะแม้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะออกไปแล้วปัญหาก็ไม่จบ จึงควรมองในเชิงโครงสร้าง นอกจากนี้การเสนอแนวทางการสร้างความปรองดอง โดยใช้สูตร66/23 นั้น ตนมองว่าหนักกว่านิรโทษกรรม เพราะต้องทำโทษทั้งแผ่นดิน อย่างไรก็ตามการตั้งคณะกรรมการปรองดองของป.ย.ป. ต้องอย่าเอาคนขัดแย้งมาทำเพราะคนขัดแย้งคือ ตัวปัญหาหรือยังอาจไม่เข้าใจว่าคู่ขัดแย้งเป็นใครบ้าง การปรองดองต้องไม่มีใครที่ชนะเบ็ดเสร็จหรือแพ้ราบคาบ แต่ต้องมีที่ยืนให้อีกฝ่าย โดยมีกติการ่วมกัน

"ตัวชี้วัดความสำเร็จของการปรองดองต้องดูว่าแผนที่ออกมาทุกฝ่ายยอมรับหรือไม่ และคนที่ตั้งมาจะยี้ไหม ถ้ายี้ตั้งแต่ต้น โยนทิ้งไปได้เลยไม่ต้องทำ และการปรองดองครั้งนี้ผมเห็นสัญญาณบางอย่างที่มีโอกาสจบได้ แต่ไม่ใช่ว่าจบแบบรักกัน กอดคอกัน แต่จบแบบปกติคือการเมืองเข้าสู่การเลือกตั้ง มีโหมดการบริหารแบบปกติ รัฐบาลชุดนี้เข้ามาจากเรื่องที่ขัดแย้ง ถ้าออกไปโดยที่ความขัดแย้งเหมือนเดิม รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ใครจะยอมรับ และเชื่อว่าอีก 90 วันจะต้องเห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลง”พล.อ.เอกชัย กล่าวและว่า หากมีการใช้อำนาจมาตรา 44 ควรใช้เพื่อเกิดคุณไม่ใช้เพื่อเกิดโทษ ควรใช้เพื่อทำให้ฝ่ายการเมืองทั้งหมดหยุดการโจมตีซึ่งกันและกัน และขอให้ทุกคนอดทน เพราะถ้าไม่อดทนแล้วเกิดแผลใหม่จะเสียใจมากกว่านี้

 

เรียบเรียง บุญชัย ทีนิวส์