- 07 ก.พ. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรบุรี ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณ หรือท่าจีน ห่างจากฝั่งประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เนื้องที่กว้างขวาง ๘๒ ไร่ ๑ งาน มีโบราณสถานอันเป็นประธานของวัด คือ พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งเรียกกันว่า �หลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ขนาดใหญ่โตมาก สูง ๒๓.๔๗ เมตร เทียบเท่าตึก ๘ ชั้น มีอายุเกินกว่า ๖๐๐ ปีขึ้นไป ตามหลักฐานเดิมสันนิษฐานกันว่า มีอายุราวสมัยอู่ทอง เนื่องด้วยขณะนั้น ยังไม่ได้มีการศึกษาค้นคว้า จึงเชื่อกันอย่างนั้นเรื่อยมา เมื่อมีการศึกษาค้นคว้าในระยะหลังๆ ทำให้ทราบได้ว่า วัดป่าเลไลยก์น่าจะมีอายุสูงกว่าสมมติฐานเดิม ไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ ปีขึ้นไป โดยมีหลักฐานต่างๆ จากโบราณวัตถุเป็นข้อสนับสนุน อ้างอิง เพียงพอที่จะตั้งสมมติฐานใหม่ขึ้นได้ วัดป่าเลไลยก์เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของสุพรรณบุรี และของประเทศไทย มีเทศกาลปิดทองไหว้พระมาแต่โบราณกาล ปีละ ๒ ครั้ง คือ เดือน ๕ และเดือน ๑๒ ขึ้น ๕-๖-๗-๘-๙ ค่ำ ทางจันทรคติทุกปี
หลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่มาก มีความสูงถึง ๒๓.๔๗ เมตร สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีลายพระหัตถ์ถึงศาตราจารย์หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรว่า พระพุทธรูปป่าเลไลยก์ เป็นของเก่าก่อนวัตถุอื่น ลักษณะทันสมัยอู่ทอง และสร้างเป็นพระพุทธรูปปางแสดงพระธรรมจักร เหมือนอย่างพระประธานที่พระปฐมเจดีย์ มีกุฏิครอบเฉพาะองค์พระมาสร้างวิหารต่อชั้นหลัง ส่วนองค์พระนั้นเคยชำรุดถึงพระกรหักหาย คนชั้นหลังปฏิสังขรณ์ เมื่อความรู้เรื่องพระแสดงปฐมเทศนาสูญเสียแล้วจึงทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ความที่กล่าวในข้อนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยพระกรเล็กกว่ากันเกือบข้างหนึ่ง และซุ้มเดิมที่สร้างวิหารก็ยังปรากฏอยู่
หลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ได้รับการบูรณะถึง ๓ ครั้ง ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๑๗๐๖ โดยมอญน้อย ครั้งที่ ๒ ในสมัยอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระนั่งสุริยาสน์ อมรินทร์ในรัชกาลที่ ๓ กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดให้พระยาสีหราชเดโชไชย ไปสร้างวิหารวัดป่าเลไลยก์ ครั้งที่ ๓ ในรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้พระยานิกรบดินทร์ มาบูรณปฏิสังขรณ์ การบูรณปฏิสังขรณ์ในรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อันสืบเนื่องมาจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะที่ยังไม่ได้ครองราชย์ พระองค์ทรงผนวชเสด็จธุดงค์มาจังหวัดสุพรรบุรี เพื่อนมัสการหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ ทรงพบเห็นวัดป่าเลไลยก์รกร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และปกครองวัด จึงทำให้สภาพของวัดป่าเลไลยก์เสื่อมโทรมมาก เมื่อเข้านมัสการหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ แล้วทรงอธิษฐานว่า ถ้าหากได้ขึ้นครองราชย์เมื่อใดก็จะมาบูรณปฏิสังขรณ์ถวาย เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ในช่วงของการขึ้นครองราชย์ โปรดเกล้าให้พระยานิกรบดินทร์มาบูรณปฏิสังขรณ์วัดป่าเลไลยก์ โดยขุดคลองตั้งแต่วัดประตูสาร ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณ ล่องแพซุงเข้าไปจนถึงวัดป่าเลไลยก์ สร้างหลังคาข้างละสองชั้น ทำฝาผนังรอบนอก รวมหลังคาพระวิหารข้างละ ๕ ชั้น พร้อบกับซ่ององค์หลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ด้วย สร้างพระพุธรูปไว้อีก ๒ องค์ อยู่ในวิหารเบื้องหน้าหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ทั้งซ้ายและขวา ประดิษฐานตราพระมงกุฎอยู่ที่หน้าบันพระวิหารเป็นเครื่องหมาย
คาถาบูชาหลวงพ่อโต ตั้งนะโม 3 จบ ก่อนกล่าวคำบูชา
โตเสนโต วะระธัมเมนะ โตสัฏฐาเน สิเว วะเร โตสัง อะกาสิ ชันตูนัง โตสะจิตตัง นะมามิหัง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เฮงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!!! "สาวใหญ่" ดวงมหารวย ขอโชคลาภจาก "หลวงพ่อโต" จัดให้สมใจ รางวัลที่ 1 จำนวน 10 คู่ รับเต็มๆ 60 ล้าน!!!
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หลวงพ่อจรัญ แนะ ๑๐วิธี ทดแทนบุญคุณพ่อแม่เพื่อความเจริญก้าวหน้าของชีวิต
เรียบเรียง:สุรเดช