รองปลัดยุติธรรม เผยรายชื่อพยานขึ้นเบิกความคดีครูจอมทรัพย์ไม่มีชื่อ "สับ วาปี" เหตุไม่จำเป็น เน้นนำสืบรถ บค.56 สกลนคร ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ส่วนการหาผู้กระทำผิดเป็นหน้าที่ของตำรวจ
วันนี้ ( 8 ก.พ.) ที่กระทรวงยุติธรรม(ยธ.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการรื้อฟื้นคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาราษฎร์สงเคราะห์ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร แพะที่ถูกกล่าวหาขับรถชนคนเสียชีวิต ที่ศาลจังหวัดนครพนมนัดไต่สวนพยานในวันนี้ ว่า กระทรวงยุติธรรมไม่ได้กำหนดชื่อนายสัป วาปี ขึ้นเบิกความเป็นพยานในชั้นศาล แม้ว่าก่อนหน้านี้นายสัปจะออกมารับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถยนต์กระบะ 56 บค มุกดาหาร เนื่องจากไม่ต้องการให้สังคมเกิดความไขว้เขว ในการสืบพยานจะมุ่งเน้นว่ารถกระบะในการครอบครองนางจอมทรัพย์ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน เพราะจากการตรวจสอบเอกสารและข้อเท็จจริงทั้งด้านนิติวิทยาศาสตร์ ความสูงขอบล่างและขอบบนของป้ายทะเบียนรถก็ไม่สัมพันธ์กับสีรถจักรยานที่ถูกชน กระทรวงยุติธรรมจะมุ่งเน้นพิจารณาว่านางจอมทรัพย์เป็นผู้ขับรถกระบะ บค 56 สกลนคร หรือไม่ และการรื้อฟื้นคดีครั้งนี้จะเป็นมาตรฐานในการรื้อฟื้นคดี และจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางจอมทรัพย์จนหลุดพ้นมลทินหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนแรกที่บอกว่าคนที่ชนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย พอมีคนออกมายอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริงจะทำให้สังคมไขว้เขวหรือไม่ พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ไม่อยากให้สังคมเข้าใจว่าถ้ามีกรณีอย่างนายสับเกิดขึ้น 10 ราย 100 ราย จะเป็นมาตรฐานว่าจะต้องมีการรื้อฟื้นคดีใหม่หรือไม่ หรือว่าจะมีการต้องมาหาตัวผู้กระทำผิดใหม่หรือไม่ สำหรับประเด็นนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่านางจอมทรัพย์เป็นคนขับรถ และถ้าเราสามารถพิสูจน์ได้ว่ารถยนต์คันนี้ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก่อน นางจอมทรัพย์ก็ค่อนข้างจะมีน้ำหนักในการหลุดพ้นจากมลทินต่างๆ ได้
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีนายสัปนั้น ทีมงานกระทรวงยุติธรรมได้ข้ามขั้นตอนไป 2 ขั้นตอน คือการนำนายสัปเข้าเครื่องจับเท็จ และการนำผู้เสียหายฟ้องนายสัปในคดีอาญา เพราะหากมีการฟ้องร้องจะต้องรอให้ศาลมีคำพิพากษาก่อน หากนายสัปเป็นผู้กระทำผิดจึงจะดำเนินการรื้อฟื้นคดีให้นางจอมทรัพย์ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่า หลังจากนี้หากมีผู้ทำความผิดลักษณะเดียวกับนายสัปมารับผิดและจ่ายเงินให้กับญาติผู้ตายเพื่อยุติคดีจะทำให้กระบวนการยุติธรรมไขว้เขว ดังนั้นต้องรอศาลมีคำพิพากษา หากนางจอมทรัพย์ไม่มีความผิดก็เป็นหน้าที่ตำรวจที่ต้องติดตามตัวคนผิดที่แท้จริงมาดำเนินคดีภายในอายุความ
" จากการสืบสวนเห็นว่านายสัปไม่เกี่ยวข้องกับการรื้อฟื้นคดี และในชั้นนี้จึงไม่มีประโยชน์ที่พิสูจน์ว่านายสัปกระทำผิดหรือไม่ ที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมและตำรวจได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก โดยการหาตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริงให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมที่ตัดสินว่านายสัปเป็นผู้กระทำผิดหรือไม่" รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว
วิทย์ณเมธา สำนักข่าวทีนิวส์