ติดใจเหตุการตาย!!! ญาติเซลส์แมนสงสัยบาดแผลทั่วตัวใครทำ  ยังไม่ปักใจเสพยาเองจนเสียชีวิต  ตร.ขอเวลา2-3วันเคลียร์ทุกปมสงสัย??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

จากกรณีการพบศพ  นายรัติภูมิ  พิมใจใส  อายุ 34 ปี  เซลส์แมนขายรถ  ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2559  ที่รพ.ศิริราชเมื่อวันที่    6 กุมภาพันธ์ 2560  และทางคณะแพทย์ได้ออกมาแถลงผลการชันสูติพลิกศพว่า  เป็นการเสียชีวิตด้วยอาการแทรกซ้อน ภาวะตับและไตล้มเหลว รวมทั้งพบสารเมทแอมเฟตามีนในเลือด  จากนั้นทางญาติได้ติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่วัดช่องลม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี

 

ต่อมาทางด้าน  นายรัตนชัย น้องชายผู้ตาย ได้ออกมาเปิดเผย  จนถึงขณะนี้ทางครอบครัวยังสงสัยในสาเหตุการตายที่แท้จริงของนายรัติภูมิ    เพราะจากการดูศพพบว่ามีรอยบาดแผลหลายแห่งในร่างกาย  เช่นรอยแผลขนาดใหญ่เหมือนถูกไฟช็อตที่มือด้านซ้าย แผลที่โหนกแก้มซ้าย หน้าตาที่เบี้ยวผิดรูป ข้อมือขวาที่หัก และอีกหลายๆ แห่ง  จึงตั้งข้อสงสัยว่านายรัติภูมิโดนทำร้ายก่อนร่างกายก่อนตายหรือไม่

 

ติดใจเหตุการตาย!!! ญาติเซลส์แมนสงสัยบาดแผลทั่วตัวใครทำ  ยังไม่ปักใจเสพยาเองจนเสียชีวิต  ตร.ขอเวลา2-3วันเคลียร์ทุกปมสงสัย??

         

ล่าสุดนายรัตนชัย ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก  สน.ธรรมศาลา  เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเหตุข้อสงสัยต่าง ๆ   โดยเฉพาะการประสานให้ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์   เข้ามาดูแลการผ่าพิสูจน์ศพอย่างละเอียด และวินิจฉัยถึงบาดแผลหลายๆ แห่งในร่างกายพี่ชายอีกครั้ง  เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปสาเหตุที่ชัดเจนของบาดแผลอีกครั้ง

 

 

ขณะเดียวกันทางด้าน  พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน รองผบก.น.7 พ.ต.อ.ธนวรรธน์ ตาระกา ผกก.สน.ตลิ่งชัน และเจ้าหน้าตำรวจที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการร่วมประชุมคลี่คลายคดีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเสียชีวิตของของนายรัติภูมิ  พร้อมกับได้เชิญ  นายฐิติ ไกรรักษ์ อายุ 29 ปี และนายวิธัช วงษ์ชารี อายุ 19 ปี อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อพปร.) ซึ่งเป็น 2  คนที่พบนายรัติภูมิ  เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมาเข้าให้ข้อมูล

 

ทั้งนี้พล.ต.ต.สมพงษ์  ระบุว่า   ขณะนี้ได้มอบหมายงานให้ฝ่ายต่างๆ ไปทำงานแล้ว  ทั้งประเด็นที่ญาติติดใจคือ  มีใครบังคับให้เสพยาหรือไม่  หลังจากแพทย์ลงความเห็นว่ามีสารเสพติดในร่างกาย  รวมถึงประเด็นที่ว่ามีการทำร้ายร่างกายหรือไม่ โดย คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน คงทราบผล และความจริงทั้งหมดจะกระจ่าง

 

ติดใจเหตุการตาย!!! ญาติเซลส์แมนสงสัยบาดแผลทั่วตัวใครทำ  ยังไม่ปักใจเสพยาเองจนเสียชีวิต  ตร.ขอเวลา2-3วันเคลียร์ทุกปมสงสัย??

 

“สำหรับบาดแผลที่พบบริเวณใบหน้านั้น พอทราบได้ว่าในวันที่พบนายรัติภูมิ บริเวณหน้าปั้มน้ำมันบางจาก ตอหม่อที่147นั้น นายรัติภูมิมีอาการคลุ้มคลั่ง โดยเอาใบหน้าทั้ง 2 ข้าง ถูกับพื้น เจ้าหน้าที่อพปร.ได้นำน้ำเกลือไปเช็ดหน้าให้ ก่อนจะนำไปส่งรพ.ศิริราช  อย่างไรก็ตามเบื้องต้นขอสอบแพทย์ให้เรียบร้อยก่อน เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ต่างๆ คาดว่าในวันเสาร์ ที่ 12 กุมภาพันธ์ จะทราบผล และสามารถชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ได้”

ทางด้านนายฐิติ   เปิดเผยว่า  ในวันที่เจอนายรัติภูมิครั้งแรกบริเวณหน้าปั้มบางจาก คิดว่าคนละคนกัน  เนื่องจากภาพในรูปที่มีการเผยแพร่ตามสื่อมวลชน   นายรัตภูมิใส่สูท หน้าจะอวบอิ่ม ผิวใส แต่บุคคลตรงจุดเกินเหตุต่างกันมาก ทั้งผอม แก้มตอบ โทรม จึงไม่เอะใจอะไร ถ้าตนรู้ว่าบุคคลที่พบคือนายรัติภูมิ ตนก็คงออกมาช่วยตามหาตั้งแต่วันแรกแล้ว

 

ติดใจเหตุการตาย!!! ญาติเซลส์แมนสงสัยบาดแผลทั่วตัวใครทำ  ยังไม่ปักใจเสพยาเองจนเสียชีวิต  ตร.ขอเวลา2-3วันเคลียร์ทุกปมสงสัย??

         

ขณะที่นายวิธัชกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนกับนายฐิติกำลังจะไปเข้าเวรกันตามปกติ ต่อมาเด็กปั้มน้ำมันบางจากได้ติดต่อหานายฐิติว่ามีชายนิรนามโดนรถเฉี่ยวจึงออกมาดู เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นบุคคลดังกล่าวล้มอยู่เกาะกลางถนน และเดินไปเดินมา จนสะดุดล้ม หัวฟาดกับแผงเหล็ก จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่สน.ตลิ่งชัน  เมื่อเจ้าหน้าที่มาก็จับใส่กุญแจมือ แต่ชายคนดังกล่าวดิ้น ตัวเกร็ง และเอาหน้าถูกับพื้น  จึงจับกดลงกับพื้น และอุ้มมาบริเวณข้างทางถนนบรมราชชนนีขาออก   โดยจับนอนหงาย มือทั้ง 2 ข้างไขว้ไปด้านหลัง ระหว่างรอรถเจ้าหน้าที่มารับ ก็ทำความสะอาดใบหน้าให้  ก่อนคุมตัวมาที่สน.ตลิ่งชัน แต่เนื่องจากชายนิรนามคนดังกล่าวมีอาการชักเกร็ง ตาเหลือก จึงรีบนำส่งรพ.ศิริราชและมาทราบภายหลังว่าเป็นนายรัติภูมิที่ทุกคนกำลังตามหา

 

ติดใจเหตุการตาย!!! ญาติเซลส์แมนสงสัยบาดแผลทั่วตัวใครทำ  ยังไม่ปักใจเสพยาเองจนเสียชีวิต  ตร.ขอเวลา2-3วันเคลียร์ทุกปมสงสัย??

 

 “ต้องยอมรับช่วงระยะเวลา 8 วันที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุ  ไม่รู้เรื่องนี้เลย  เพราะเป็นคนไม่ได้ติดตามโซเชียลเลย   แต่เมื่อเจ้าหน้าที่นำรูปนายรัติภูมิมาให้ดู พอดูไปเรื่อยๆ เริ่มมีเค้าโครงเดียวกับชายนิรนามที่คลุ้มคลั่ง จึงแจ้งไปว่าได้นำส่ง รพ.ศิริราชไปแล้ว”

 

 

 

เรียบเรียง  :  สุรเดช  สำนักข่าวทีนิวส์