เหมือนงานชิงเปรต!!! "ป๋าเปลว สีเงิน" สื่ออาวุโส เตือนสติสื่อรุ่นใหม่ แย่งกันถ่ายภาพ "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" ตะเกียกตะกายเห็นแล้วทุเรศ!!!

ติดตามข่าวเพิ่มเติม http://www.tnews.co.th/

จากในกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าพบเพื่อนำฎีกานิมนต์ถวายเจ้าประคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เข้ารับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช วันที่ 12 กุมภาพันธ์

ทั้งนี้ บรรยากาศในพระอุโบสถวัดราชบพิตร จึงเต็มไปด้วยสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว และรอสัมภาษณ์โดยแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม โดย สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ทรงได้กล่าวกับสื่อมวลชนให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้เหมาะควรแก่สถานที่ 

(คลิกอ่าน : สาธุ สาธุ สาธุ มารับพรจากสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๒๐ ที่พระองค์ประทานพรในวันปีใหม่ที่ผ่านมากันเถอะ)

เหมือนงานชิงเปรต!!! "ป๋าเปลว สีเงิน" สื่ออาวุโส เตือนสติสื่อรุ่นใหม่ แย่งกันถ่ายภาพ "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" ตะเกียกตะกายเห็นแล้วทุเรศ!!!

ล่าสุดคอลัมป์ "เปลว สีเงิน" ไทยโพสต์ ได้เขียนถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า...

วันนี้ "ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีวอก" ตรงกับเสาร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐

เป็นวัน "มาฆบูชา"

และ "พรุ่งนี้" อาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" จะเสด็จฯ ไปในพระราชพิธี

สถาปนา "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร)" วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

ขึ้นเป็น "สมเด็จพระสังฆราช" องค์ที่ ๒๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

นับแต่วันแรก (๗ ก.พ.๖๐).......

ที่นายกฯ ประยุทธ์บอกนักข่าวว่า มีการโปรดสถาปนา "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๒๐

เมื่อข่าวแพร่ออกไป ถึงหูใคร ทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส ใครก็ก้มกราบ "สาธุการ"

เฉพาะช่วงชีวิตที่ผมจำได้ ในการสถาปนา "สมเด็จพระสังฆราช" องค์ก่อนๆ ในความปีติของสงฆ์-ของฆราวาส ที่เหมือนกัน

ในครั้งนี้ เป็นเหมือนที่มีกระแส จิตสมานฉันท์ เจิดจ้า ปีติ-ตื่นตัว-เต็มตื้น กันเป็นพิเศษ

และเมื่อวาน (๑๐ ก.พ.) เกิดปรากฏการณ์ "บุญในบาป-บาปในบุญ" เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ 

ผมอยากนำมาบอกเล่า เพื่อเอาไปคิด-เอาไปสำนึกกัน .........

โดยเฉพาะกับ "สื่อมวลชน" ทุกแขนง ควรน้อมนำไปพิจารณา เพื่อพัฒนาตัวเองและองค์กร ให้เป็น "ต้นแบบงาม" ของสังคม

ที่สังคมไทยเรา "ขาด" มากๆ จากอดีต สู่ปัจจุบัน ยันอนาคต คือจิตสำนึกด้านระเบียบ-วินัย

สะท้อนให้เห็นจากภาพ "คนไทยเข้าแถวไม่เป็น"!

เคยคุยกันบ่อยครั้ง ถ้าประเทศไหน ผู้คนพลเมืองยังเข้าแถวไม่เป็น ไม่รู้จักคำว่า "เข้าแถว-เข้าคิว"

ไปไหน-มาไหน-ทำอะไร ก็แย่งชิง แซงหน้า-แซงหลัง มะรุม-มะตุ้ม กูก่อน..กูก่อน ท่าเดียว

ประเทศนั้น "ยาก...." ที่จะพัฒนาให้เจริญได้!

เพราะนั่นหมายถึง ละเลย-ไม่ฝึกฝนให้ผู้คนในชาติมีระเบียบ-วินัย อันเป็นคุณสมบัติประชาธิปไตยพื้นฐานมนุษย์

การพิทักษ์สิทธิ์ตัวเอง ไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น มีความเคารพสิทธิ์ของกันและกัน นั่นคือ คุณสมบัติประชาธิปไตยพื้นฐาน

เรื่อง "สิทธิ-หน้าที่-ความผิดชอบ" เป็นสิ่งงอกเงยและงอกงาม มาจากการฝึกฝนคนในชาติ ให้มี "ระเบียบ-วินัย"

เมื่อมีระเบียบวินัย.........

ผู้คนก็จะเติบโตพร้อมจิตรับผิดชอบ มีจิตสำนึกทางสังคม มีความอดทน-อดกลั้นในการทำ ในการรอคอย

สิ่งเหล่านี้ คนชาติไหน "มี-ไม่มี" สังเกตไม่ยาก

ถ้า "เข้าแถวเป็น" แสดงว่ามี

ถ้าแย่งชิง-ชุลมุน-วุ่นวาย จะขึ้นรถ จะซื้อของ จะจ่ายบิล จะซื้อตั๋ว จะรอรับบริการ ต่างแย่งชิง แซงหน้า-แซงหลัง ไม่รู้จักใครมาก่อน-มาหลัง เข้าแถวไม่เป็น

แสดงว่า...ไม่มี!

เมื่อวาน "คุณออมสิน ชีวะพฤกษ์" รมต.สำนักนายกฯ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไปที่วัดราชบพิธฯ

นำฎีกาถวายนิมนต์ "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" เข้ารับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช วันที่ ๑๒ ก.พ. ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ภาพน่าละอาย ที่เห็นกันเป็นอาจิณ ก็เกิดซ้ำซากขึ้นอีก แม้ในพระอุโบสถ ก็ไม่เว้น

งานใหญ่ๆ ทุกงาน พวกช่างภาพที่เรียกกันว่า "สื่อมวลชน" เป็นร้อย มาเป็นกองทัพ ต่างมะรุมมะตุ้ม แย่งชิงกันถ่ายรูป

ที่วัดราชบพิธฯ เมื่อวาน ก็เช่นนั้น.......

กองทัพช่างภาพ เหมือนงานชิงเปรต ต่างแย่งชิงกันถ่ายรูป "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์"

สภาพคนถ่ายที่ตะกาย-แย่งชิงกันถ่าย ก็ถูกถ่ายสภาพนั้นออกมา อย่างที่เห็นให้ทุเรศกันตามข่าวโทรทัศน์ประจำ

สมัยก่อน มีแค่ช่างภาพหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์มีไม่กี่ช่อง และเลือกไปเฉพาะงาน การแช่งยิงก็ไม่ค่อยเท่าไหร่

แต่ปัจจุบัน ไม่รู้ว่าช่างภาพจากไหน-ต่อไหน สื่อจริง สื่อเทียม สื่อหากิน กระสือสื่อ ต่างชาติก็มี เหมาเรียกทั้งหมดว่า "สื่อมวลชน" มากันเป็นร้อยๆ

แย่งชิงกันถ่ายภาพ เหมือน "เปรตชิงลงนรก" ต่อหน้า "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์"

พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณ เห็น...ก็ปลงธรรมสังเวช

ช่างภาพ-นักข่าว ที่เรียกว่า "สื่อมวลชน" จึงเป็นผู้มีบุญในบาป-บาปในบุญ ได้รับฟัง "เทศนาธรรม" กัณฑ์แรก

จากพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณ "สมเด็จพระสังฆราช" องค์ที่ ๒๐ ที่จะสถาปนาในวันพรุ่งนี้

เพื่อสติ เพื่อน้อมนำไปปรับปรุง-แก้ไขพฤติกรรม และเพื่อเป็นกิริยาบุญร่วมกัน

ผมขอนำ "วรธรรมคติ" กัณฑ์แรก ที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณ ประทานแก่สื่อมวลชนมาให้ตรองและตรึก ดังต่อไปนี้

"ผู้ที่มาร่วมภายในงานก็ดี นักข่าว หรือผู้สื่อข่าวก็ดี ควรเห็นใจซึ่งกันและกัน

เพราะฉะนั้น .......

เราต่างคนต่างรู้ ต่างคนต่างเข้าใจกันแล้ว ก็ควรที่จะประสานกัน ให้เป็นไปด้วยความงดงาม ดูดี ไม่ใช่ตุ้บตั้บๆ อย่างที่ทำกันทั่วไปอย่างทุกวันนี้ คิดว่างานนี้ ครั้งนี้ คงจะเป็นงานขั้นต้น

ท่านทั้งหลายไม่ต้องแย่งกันจับภาพ เราจับภาพไปพร้อมๆ กัน แล้วมันจะสวยจะงาม

แล้วสถานที่นี้ เราก็นึกดูแล้วกัน เป็นพระอุโบสถที่ 'พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว' ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐทรงสร้างไว้

พวกเรารู้กันดีแล้ว........

ต่อจากนี้ ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าที่แห่งใดก็ตาม ก็ขอไม่ต้องยื้อแย่งกัน อาตมาจะนั่งให้ถ่ายอย่างดีๆ"

อย่านึกว่า นี่...คือการตำหนิ

ขอให้เข้าใจว่า "นี่คือการชี้ทางสู่ความเป็นผู้มีอารยะ" ถ้าพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณ "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" ไม่เมตตาประทานวรธรรมคตินี้แล้ว

ก็ไม่แน่ใจว่า ในกัป-ในกัลป์ ไหน ........

จะมีพระสงฆ์ผู้เจริญรูปไหน "ให้ธรรม" เตือนสติบรรดาช่างภาพ-นักข่าวที่ประพฤติน่าละอายเช่นนั้นเป็นอาจิณ

ได้พัฒนาและปรับปรุงตัวเอง ให้มีระเบียบ-วินัย รู้จักกาล-รู้จักบุคคล-รู้จักสถานที่ และมีมรรยาท ให้เป็นแบบอย่างดีงามแก่สังคม

นี่แหละ ที่บุร่ำ-บุราณพูดกันว่า.........

พระมีหน้าที่ "สอนคน"

สมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ของเรา เห็นชัดแต่นาทีแรกเลยว่า พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณ มุ่งเน้น "สอนคน" ให้เป็นคนดี ด้วยเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง

ไม่มีการ "ประจบเอาใจ" ญาติโยม!

อะไรผิดจนฝังลึก แค่สะกิด-สะเกา ไม่รู้สึกหรอก การจะเตือนด้วยปรารถนาดี ต้องกระตุกกันแรงๆ จึงจะได้ผล

มาฆบูชานี้ ช่างภาพ-นักข่าว เป็นหมู่แรกได้รับการ "โปรดสัตว์" ถ้าองค์กรสื่อทั้งหลาย นำ "ปฐมวรธรรมคติ" ของสมเด็จพระสังฆราช

จารลงแผ่นใหญ่ๆ.........

แล้วนำไปแจกจ่าย ไปติดไว้ทุกสมาคม ทุกสำนักสื่อ ให้เห็นตำตา-ตำใจ-ตำจิตสำนึกทุกวัน

เมื่อทะลุหนังเข้าเนื้อ-เข้าสำนึกแล้ว ไปบอก สปท.เขา

"พ.ร.บ.สื่อ" ไม่จำเป็นแล้ว ไม่ต้องมีก็ได้!

คุยเรื่องนี้ซะยาว มาคุยเรื่องวันนี้กันบ้าง คือวันมาฆบูชา คงไม่ต้องบอกอีกกระมัง ว่ามาฆบูชา มีความหมายถึงอะไรบ้าง เพราะบอกกันมาทุกที

บอกอีก ก็ลืมกันอีก.........

ก็ไม่เป็นไร เอาอย่างนี้ดีกว่า จะเกิดประโยชน์มากกว่า "แค่รู้" ว่าวันนี้มีความหมายถึงอะไร

"สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง" จงละความชั่วทั้งหลาย

"กุสะลัสสูปะสัมปะทา" ทำแต่กุศลความดี

"สจิตตปริโยทปนัง" ชำระจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลส

"เอตัง พุทธานสาสนัง" พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ตรัสอย่างนี้ทั้งหมด

ครับ...นี่แหละ "โอวาทปาติโมกข์"

ที่เราเรียกกันว่า "หัวใจพระพุทธศาสนา" เป็นหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา

พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ผู้ไปประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ พระเวฬุวนาราม ในวันเพ็ญเดือน ๓ เมื่อ ๒๕๖๐ กว่าปีก่อน ที่เราเรียกกันว่าวันมาฆบูชา

ก็คือวันนี้แหละ!

จำแล้วทำ "ละความชั่ว-ทำความดี-ชำระจิตใจให้ผ่องใสเสมอ"

พระพุทธเจ้าที่มีมาแล้วกี่พระองค์ แต่ละพระองค์ ตรัสสอนอย่างนี้เหมือนกันหมดทุกพระองค์

ก็จำตรงนี้กันให้ได้นะ อย่างอื่นจำบ้าง-ลืมบ้างไม่เป็นไร แต่ "ละความชั่ว-ทำความดี-ชำระใจให้ผ่องใส" ต้องจำและทำ

ทำแล้ว อะไรที่ไม่เคยรู้ และอยากรู้ ก็จะรู้ได้ทันที!

ทุกปี นอกจากตามวัดแล้ว จะไปไหว้พระ-เวียนเทียนกันที่ท้องสนามหลวง ปีนี้ เขาย้ายมาที่ "สวนลุมพินี" ไม่ใกล้-ไม่ไกลจากไทยโพสต์

มีกิจธรรมเพื่อ "ละชั่ว-ทำดี-อุ้มใจให้ใสสด" ตลอดทั้งวัน มากันวันนี้แล้ว พรุ่งนี้ วันอาทิตย์

ไปวัดพระแก้ว.....

ไปกราบสาธุการ "สมเด็จพระสังฆราช" องค์ที่ ๒๐ กัน

 

เหมือนงานชิงเปรต!!! "ป๋าเปลว สีเงิน" สื่ออาวุโส เตือนสติสื่อรุ่นใหม่ แย่งกันถ่ายภาพ "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" ตะเกียกตะกายเห็นแล้วทุเรศ!!!

 

(อ่านคลิก : สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ รับสั่งกับสื่่อ ไม่ต้องแย่งกันจับภาพ ขอให้มีระเบียบ ระลึกว่าอยู่ในพระอุโบสถที่ ร.5 ทรงสร้าง)

เรียบเรียง Amity

ขอบคุณ ไทยโพสต์