- 18 ก.พ. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพื่อดำเนินการจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เป็นวันที่2ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งทหารปรากฏว่ายังไม่พบตัวพระธัมมชโย ฉะนั้นวันนี้คอลัมนิสต์อย่างเปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์ จึงได้เสนอให้มีการแยกวัดและมูลนิธิออกจากกันเพื่อตรวจสอบ โดยเนื้อหาทั้งหมดของบทความมีดังนี้
เมื่อค้น 'อย่าให้เสียทั้งคนและของ'
ก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึง แต่พอดีเป็นข่าว ก็เอาซะหน่อย! "นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" ด้วยริยำกรรมสมัยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พอเป็นปุ๊บ ก็ออกพาสปอร์ตแดงให้ทักษิณ ชินวัตรปั๊บ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์.........จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.๒๕๔๘ ข้อ ๒๑ (๒) (๓) (๔)ในฐานะเป็นผู้ออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งถูกศาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และถูกออกหมายจับในคดีก่อการร้าย และคดีอื่นๆ อีก
เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา ๑๕๗ และผิดกฎหมาย ป.ป.ช. รวมทั้งขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.๒๕๕๑ ป.ป.ช.ส่งเรื่องมาถึง สนช.แล้ว.........ประธาน สนช.นัดประชุมเปิดคดีนัดแรกแล้ว วันที่ ๙ มี.ค.๖๐ เป็นการเริ่มเข้าสู่กระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง และวันนั้น ให้นายสุรพงษ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ได้แถลงคัดค้าน โต้แย้งคำแถลงเปิดสำนวน มีพยานหลักฐานอะไรใหม่ๆ ก็นำมาเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาเพื่อลงมติได้
ประธาน สนช.เขาใจดีหรอก แต่อย่าไปยียวนกวนประสาทมากก็แล้วกัน ร้องขอเขาดีๆ เขาคงไม่ขัดหรอก นี่ในส่วนขั้นตอนถอดถอน สมมุติ สนช.ด้วยเสียงข้างมากลงมติให้ถอดนายสุรพงษ์จะต้องถูก "เว้นวรรคการเมือง ๕ ปี" ลงเลือกตั้งไม่ได้ มีตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ ไปปลูกผัก-ปลูกหญ้า ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ เอ๋อๆ อยู่กับนางสาวลูกหนึ่งโน่น!ยังมีในส่วนอาญาอีกนะ.........ทาง ป.ป.ช.เขาจะส่งเรื่องไปที่อัยการ นายสุรพงษ์ก็คอยเงี่ยหูฟังเอาละกัน ว่าอัยการจะสั่งหรือจะเรียกตอนไหน อย่างไร
ครับ...ใครทำกรรมอย่างไหนไว้ ไม่ว่ากรรมดีหรือกรรมชั่ว ถึงเวลา "กรรมส่งผล" แล้ว ก็เตรียมตัวรับกันให้ดี กฎหมายน่ะ เหมือนดาวเคราะห์ ไม่มีแสง-ไม่มีผลบังคับในตัวเอง ต่อเมื่อได้รับแสงคือผลกระทบจาก "กรรม" คือการกระทำของแต่ละคน นั่นแหละ กฎหมายจึงทำหน้าที่ไปตามทิศทางกรรม! แล้วปึ้งคิดว่าไง......ทำเป็นอิ๊กคิวซัง ลูบหัวหน่อยซิ ว่าการออกพาสปอร์ตให้นักโทษหนีคุก-หนีคดี เป็นประณีตกรรม หรือริยำกรรม? ก็คงเท่านี้ละมัง ๙ มีนาดูกันอีกที ว่ามีอะไรคุยกันต่อได้บ้าง!
แต่เรื่องที่จะคุยกันต่อได้วันนี้ ........น่าจะเป็นเรื่อง "จอมยุทธ์ตู่" ใช้ "ดาบปราบมารโล้น" ตะลุยล่าสมีโย ค้นทั่วอาณาจักรจานบินเป็นวันที่สอง พบแต่คราบเมือกไคลพฤติกรรมอลัชชีน่าละอายซุกภาพวัดปฏิบัติเคร่ง เก่งทางขายค้อน-ซอยสวรรค์จัดสรรขาย พวกสาวกเขาว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อมีฤทธิ์ ล่องหน-หายตีนได้ เห็นตีน-ไม่เห็นหัว, เห็นตัว-ไม่เห็นตีน บางทีก็ หายทั้งตัว-ทั้งตีน!?
แต่คนมีปัญญาทั่วไป บอกว่า.........สมีตีนโตสำเร็จวิชา "กิ้งกือไต่ท่อ" เอ็งมา...สมุนพาข้ามุดไปทางหนึ่ง เอ็งกลับไป ข้าลากตีนลอยชายกลับที่เดิม! อาณาจักรจานบินร่วม ๒,๐๐๐ ไร่ ใหญ่เท่ากับเมืองย่อมๆ มุดหลบมา-หลบไป มีค่ายกลเป็นช่องทางหนีทีไล่ซุกไว้ตรงไหน นอกจากสมีขายค้อน กับ ๕ เสือโล้น จอมสมุนโจกแล้ว สมุนจิ๋วๆ ไม่มีทางรู้! แต่มีรู้อยู่คน คือ "เฮียหนิดวงศ์"
เมื่อวาน (๑๗ ก.พ.) นักข่าวถาม รู้มั้ย...หลวงพ่ออยู่ไหน? เฮียหนิดตอบทันใด..... "พระเดชพระคุณหลวงพ่ออยู่ในใจและอยู่ในยูทูบ คิดถึงหลวงพ่อ เปิดดูยูทูบ"! เจริญพวงแน่ะ...เฮีย! ผมว่า ถึงตอนนี้ ไม่ต้องสนใจไล่ล่า ว่าสมีโยอยู่ไหนหรอก การถลกให้เห็น "หนังแท้สมีโย" ว่าจริงๆ เป็นหนังจิ้งเหลือง ไม่ใช่หนังพระ แค่นี้ .........เท่ากับ "ลบธรรมกาย" ออกจากทำเนียบวัดในพระพุทธศาสนา ผู้คนตาสว่าง เลิกนับถือ เลิกคลั่งไคล้ ขายลูก-ขายเมีย-ขายผัว มาซื้อบุญที่สมีโยหลอกขายรวยบานตะไท ได้มากแล้ว
ตอนนี้ ผู้คนเริ่มประจักษ์ อาณาจักรธรรมกาย เป็นวัดเพียงฉากหน้า แต่เนื้อใน เป็นแหล่งโลกียสถาน บำรุง-บำเรอ-สำเริง-สำราญ ด้วยฟิตเนส สระว่ายน้ำ เซานา แม้กระทั่ง เครื่องมือแพทย์ราคานับสิบๆ ล้าน เพื่อความงาม เพื่อหยุดยั้งความเหี่ยวย่นใบหน้า-ร่างกาย เครื่องสำอางประทิ่นบำรุงผิวหลากหลาย ละลานตา...........เมื่อเปิดเข้าไปในอาคารคล้าย "สถานบิวตี ซาลอน" เฉพาะโล้นไฮโซ ส่วนพวก "โล้นโลโซ" ต้องห้าม! ใครเห็นก็ต้องผงะ ดวงแก้วใสๆ ศูนย์กลางกายของลัทธิกลายธรรม โดยสมีโยและเดอะแก๊ง............เป็นอย่างนี้เองแหละหนอ!?
ในห้องใต้ดิน มีอุปกรณ์ทันสมัย สำหรับสรรค์สร้าง "แสง-สี-เสียง" เพื่อเสริม "รังสีผู้วิเศษ" สำหรับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ให้ดูแจ่มจ้า เจิดจรัสด้วยออราออกหัว-ออกตัว ดูผ่องผุดเหนือกว่าบรรดาพระทั่วไป ให้เห็นแล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส ในคราวมีพิธีกรรม-พิธีโกย เมื่อใช้ ม.๔๔ เข้าควบคุมอำนาจในพื้นที่เบ็ดเสร็จอย่างนี้ ควรแยกการทำงานเป็น ๒ ด้าน ตำรวจ-ดีเอสไอ เข้าไปค้น เข้าไปสำรวจสถานที่ ก็ทำไป อีกทางที่น่า "ตีเหล็กตอนร้อน" ไปพร้อมกัน คือ..........การเข้าไปควบคุมอำนาจ "บริหาร-ปกครอง" จากเป็นอาณาจักร "กฎสมีโยปกครอง" ให้เข้าระเบียบเป็น "กฎ พ.ร.บ.สงฆ์ปกครอง"
ควรให้ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี สำนักพุทธ มหาดไทย ดีเอสไอ ตำรวจ ร่วมกัน สำรวจ-ตรวจสอบ "อาณาจักรธรรมกาย" แยกแยะออกมาให้ชัดเจนว่า ส่วนไหน-แค่ไหน เป็นวัด คือเป็นธรณีสงฆ์? และส่วนไหน-แค่ไหน ที่เอาเงินจากหลอกขายบุญไปซื้อ-สร้างเป็นสมบัติส่วนบุคคลบ้าง ซุกในคราบมูลนิธิบ้าง สหกรณ์บ้าง?จากสภาพภายในที่ปรากฏขณะนี้ .........มันไม่ใช่วัด มันเหมือนโรงแรม เหมือนรมณียสถาน เหมือนอาณาจักรลับ เหมือนซ่องมังกรแดง
และต้องตรวจสอบแต่ละอาคาร ว่าสร้างอยู่พื้นที่ใด เป็นพื้นที่วัด หรือพื้นที่มูลนิธิ หรือส่วนบุคคล แต่ตีขลุมว่าเป็นวัด?เห็นอ้างว่า กฎหมายอนุญาตให้วัดก่อสร้างได้ตามใจชอบ ไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่ยื่นแบบ ก็ไปตรวจสอบซิ ที่เป็นอาคารโน้น-นี้มากมาย สร้างในที่วัดจริงๆ หรือในที่มูลนิธิ แต่ตีขลุมเป็นวัด? อย่าลืมนะ การตั้งมูลนิธิ ระเบียบในการขออนุญาตชัดเจน ...........ต้องเพื่อการกุศลสาธารณะ การศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรือเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างอื่น โดยมิได้มุ่งหาประโยชน์มาแบ่งปันกัน!
กฎข้อบังคับมี ใครเป็นประธาน เหรัญญิก กรรมการ เป็นผู้มีรายชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ผู้ให้สัญญายกทรัพย์สินให้มูลนิธิ มหาดไทย สำนักพุทธ จังหวัด ต้องตรวจสอบ.......ว่าไอ้การมีสถานบำเรอสุข อย่างฟิตเนส เซานา สระว่ายน้ำ เครื่องทำหนุ่ม-ทำสาว และเครื่องสำอาง หรูหราเหมือนโรงแรม อย่างที่ปรากฏ นี่หรือวัด นี่หรือเพื่อการกุศลสาธารณะ? แล้วพระ อ้างสอนธรรม สอนวิปัสสนากรรมฐาน เขามีกันแบบนี้หรือ และมันเพื่อการกุศลสาธารณะตรงไหน?
ในเมื่อญาติโยมก็เข้าไปใช้ไม่ได้ โล้นสามัญก็ฟิตเนส เซานา สู่การบรรลุธรรมกายไม่ได้ เป็นวิมานฉิมพลี เป็นดุสิตบุรีบนดิน เฉพาะโล้นวีไอพี กับโล้นสมีโยเท่านั้น!? ต้องตรวจสอบงบดุลแต่ละมูลนิธิให้เฉียบขาด เอา ปปง.ไปตรวจด้วยยิ่งดี ควรต้องสำรวจ เอากันจริงๆ ให้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนไปเลยว่า ตรงไหนเป็น "ศาสนสมบัติ" ตรงไหนเป็น "มูลนิธิ" สมบัติแฝงสมีโย?
เมื่อไม่ใช่พื้นที่วัด ก็หมายความว่า การก่อสร้างแต่ละอาคารนั้น "ก่อสร้างเถื่อน" ไม่ขออนุญาต กฎหมายว่าไง ก็ต้องจัดการกันไป เมื่อตรวจสอบ แยกที่วัด-ที่โจรเสร็จแล้ว ตรงไหน-อาคารไหน-พื้นที่ "ต้องอายัด" ไว้ตรวจสอบ ต้องทำทันทีถ้าไม่แยกทำเป็น ๒ ส่วน ในการเข้าตรวจค้นธรรมกายด้วย ม.๔๔ ครั้งนี้ แน่นอนว่า เมื่อตำรวจ-ดีเอสไอ ตรวจค้นเสร็จ ไม่ได้ตัว-ไม่ได้ขี้สมีโย ก็จะถอนกลับไป ประกาศยกเลิกคำสั่ง ม.๔๔ ฉบับนี้ไป
ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ "อาณาจักรจานบิน" เป็นรัฐอิสระ เหนืออำนาจสงฆ์-อำนาจบ้านเมือง มะลำ-เมลือง เป็นแหล่งผสมพันธุ์การเมือง "แดงทั้งแผ่นดิน" เหมือนเดิมอีกซึ่งนั่น เท่ากับ....ทั้งหมด "สูญเปล่า"!ดังนั้น ในส่วนกฎหมาย และส่วนล่าตัวผู้ต้องหา ก็ล่ากันไป คงไปไหนไม่ไกลมั้ง ก็สมุนอ้างว่า "พระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่หนี ขอตายคาวัด" มิใช่หรือ? "หลอดเลือดดำใหญ่ส่วนลึกในช่องท้องข้างซ้ายอุดตัน เดินไม่ได้ ตีนแตะดินปุ๊บ อุดตันปั๊บ"
แหม...กูละเชื่อไอ้กะล่อนเหลืองมันเลย! ในส่วนคณะสงฆ์ โดยเฉพาะสำนักพุทธผู้มีหน้าที่โดยตรง และนายพนม ศรศิลป์ ในฐานะเลขาฯ มหาเถรสมาคม ควรต้องจัดการ "แยกวัด-แยกซ่องโจร" ในอาณาจักรจานบินออกจากกันให้ชัดเจน
ในส่วนวัด ก็ให้เจ้าคณะปกครองเข้าไปจัดการ ให้เข้าอยู่ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ อย่าปล่อยเป็นวัดมาเฟีย เป็น "รัฐอิสระ" อะร้าอร่ามด้วยส่วยเหมือนแต่ก่อน ในส่วนที่แฝงวัด แต่เป็นสมบัติพวกครึ่งพระ-ครึ่งโจร ทางมูลนิธิว่าไง มหาดไทยว่าไง ตำรวจว่าไง กฎหมายมีให้ปฏิบัติอยู่แล้ว
เรื่องนี้ เมื่อขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ อย่าให้ลงท้ายเป็นบ้องกัญชาได้เป็นอันขาด
ไม่เช่นนั้น "จอมยุทธ์ตู่" จะเสียทั้งของและทั้งคน
เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์
ขอบคุณ : เปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์