โล้นห่มเหลือง-โจรคราบพระเหิมหนัก!!“เปลว สีเงิน”สุดทน“พระมหาวีระชัย”มือขวา“ทัตตชีโว”บังอาจดึงเบื้องสูง บิดเบือนจงใจทำลายสถาบัน ไม่ควรปล่อยไว้

       วันนี้ถือว่าเป็นวันที่6แล้วที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐทั้งทหาร ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ปฏิบัติการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพื่อดำเนินการจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล ซึ่งในขณะการเข้าทำงานของเจ้าหน้าที่ก็ปรากฏข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ของฟากฝั่งวัดพระธรรมกายออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีการตั้งข้อสังเกตบางข้อมูลว่ามีการบิดเบือนหรือไม่ ล่าสุดวันนี้เปลว สีเงิน คอลัมนิสต์ นสพ.ไทยโพสต์ ก็หยิบเรื่องดังกล่าวมาเขียนไว้ในบทความด้วย เนื้อหาทั้งหมดมีดังนี้

 

'ฝ่ายสงฆ์ประสานฝ่ายบ้านเมือง'

 

       ถ้า "นายกฯ ประยุทธ์" ไม่ยอมตกนรก ...........ด้วยการ ขุดราก-ถอนโคน "มารโล้น" ลัทธิธรรมกายซุกพระพุทธศาสนา หากินแล้วละก็ คนทั้งโลก..........จะไม่มีใครคนไหนได้ขึ้นสวรรค์ จากการ "ทำคุณให้พระศาสนา" ได้เลย แม้แต่คนเดียว! ในสงครามทุกครั้ง ตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑-๒๐ อุปกรณ์สำคัญที่มนุษย์เอาชนะกันได้ คืออาวุธ ฝ่ายไหนอาวุธเหนือกว่า ชำนิ-ชำนาญในการใช้มากกว่า ฝ่ายนั้น ก็จะชนะ แต่สังคมโลกที่ไปสู่ศตวรรษที่ ๒๑ มองให้ดี ก็จะเห็นว่า ในความที่โลกมีความขัดแย้งสูง แต่ความกล้าของคนที่จะทำสงครามมีต่ำ

 

       ต่ำเพราะ..........ต่างฝ่าย-ต่างรู้ "ถ้าข้าตาย-เอ็งก็ต้องตายด้วย"! เหตุนั้น จึงไม่มีประเทศไหนกระเหี้ยนกระหือรือเรื่องสงครามจริงๆ จังๆ โดยเลี่ยงไปทำสงครามที่ไม่ต้องใช้อาวุธแทน นั่นคือ "สงครามไอที"! ถูกต้องแล้ว โลกทุกวันนี้ จึง "รกหู-รกอารมณ์" มากกว่ารกลูกระเบิด-รกปลอกกระสุน เหมือนยุคก่อนๆ ยกตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ จากเรื่องต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน กับเรื่องสาวกลัทธิธรรมกาย จะเห็นว่าออกอาวุธใส่กันดุเดือด-เลือดพล่านสมรภูมิ แต่ไม่ใช่การสู้รบด้วยปืนผาหน้าไม้ หรือด้วยกำลัง แต่สู้รบกันด้วยข่าวผ่าน "สื่อสารออนไลน์"!

       ใส่ข้อมูลจริง-ข้อมูลลวง-ข้อมูลเท็จ-ปั้นเท็จเป็นจริง-บิดเบือนจริงเป็นเท็จ ยัดเยียดให้เชื่อ อย่างการเข้าล้าง "ลัทธิจานบิน" ของตำรวจ-ดีเอสไอในพื้นที่จริงช่วงนี้ สิ่งที่เรียกว่า "การปะทะกันรุนแรง" ไม่มี มีแค่ผลักๆ ดันๆ ยันๆ ถอยๆ เห็นโล้นจานบินว่ากิน ๒ มื้อ ใครก็อย่านึกว่าแรงน้อยนะ เห็นกันอยู่มิใช่หรือ แต่ละโล้นล้วนล่ำบึ้ก-ตันอี๋ ด้วยอาหารบำเรอกามคุณเพียบ ฟิตเนสบำเรอกล้ามคุณก็พร้อม ดึง-ดัน-ยัน-ผลัก กันทีไร ตำรวจ-ดีเอสไอ ดูจะเป็นฝ่ายผอมแห้งแรงน้อยกว่ากันเยอะ

 

       ก็ขนาด "ดีเอสไอสาว" ยังต้องถูกโล้นธรรมกาย "ปล้ำแย่งกล้อง" เห็นมั้ย ใครฟิตกว่าใคร ภาพถ่ายชี้ชัด! เมื่อวาน (๒๐ ก.พ.) เห็นตำรวจส่ง "พลร่มหญิง" เข้าพื้นที่จานบินอีก หลวงพี่จะแพ้ หรือพลร่มหญิงเป็นฝ่ายต้องแพ้หลวงพี่ ก็ยังหวั่นๆ อยู่? ครับ....คนที่ติดตามข่าวทางโซเชียลมีเดีย จะเห็นว่า แต่ละช็อตของเหตุการณ์ใน ๔-๕ วัน "ปฏิบัติการค้นรังโจร" ฝ่ายจานบินจะมีหน่วย "แปลงข้อมูล" ประกอบเรื่องและภาพปล่อยทางออนไลน์ฉับพลัน-ทันเหตุการณ์สดตลอด

 

       อย่างดีเอสไอหญิงที่ถูกโล้นธรรมกายปล้ำแย่งกล้อง เขาก็ตัดต่อภาพใหม่ ออกข่าว "เป็นดีเอสไอชาย" ใช่พระปล้ำแย่งกล้องสีกา อย่างดีเอสไอออกข่าวที่ไหน? หรืออย่างตำรวจถูกพระอัด ในภาพชุลมุนก็จะมีเสียงพากย์ "อย่าทำร้ายพระ..อย่าทำร้ายพระ" หรืออย่าง เฮเข้ามาเป็นฝูง สร้างสถานการณ์ชุลมุนแล้วทำล้มทับตีนตำรวจ เพื่อถ่ายภาพออกโซเชียลมีเดีย ให้เป็นไปตามบทว่า "ตำรวจยำพระ"!

        ในยุคสื่อสารครองโลก การแพ้-ชนะ อยู่ที่ "ความเร็ว" มากกว่า "ความจริง" นั่นคือ ฝ่ายไหนให้ข้อมูลก่อน "เท็จหรือลวง" เป็นอีกเรื่อง แต่สังคมยุคเมาออนไลน์ พร้อมเชื่อ ความจริงที่ "มาทีหลัง" จะถูกตีค่าเป็น "คำแก้ตัว" ทันที! นี่เป็นเรื่องควรคำนึงในระบบข่าวสาร ยุคย้ายจากหน้ากระดาษ มาอยู่หน้ามือถือ ที่ระดับชาติ ตั้งแต่ทำเนียบฯ ยันดีเอสไอควรต้องให้ความสำคัญ

 

       โลกวันนี้ เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามออนไลน์แล้ว ฉะนั้น การ "รวบยอดชี้แจง" รอบเดียวตอนเย็น "บูด" ครับท่าน! ต้องมอนิเตอร์ แล้วออนไลน์ช็อตต่อช็อตจึงจะทันในสงครามที่มี "ความเร็ว" เป็นตัวชี้ขาดการแพ้-ชนะ เมื่อวาน โลกออนไลน์ถูกปั่นด้วยข่าว รัฐบาลมีเจตนาขับไล่พระออกจากวัดพระธรรมกายให้หมด เพื่อ "ยึดวัด"! แต่คนก็พร้อมเชื่อ ทั้งที่ความจริงก็คือ บรรดาโล้นห่มเหลืองที่ซ่องสุมอยู่ในธรรมกายตอนนี้ มีโจรในคราบพระ แปลกปลอม-ปะปนอยู่ด้วย

 

       ทางเจ้าคณะปกครองสงฆ์ปทุมธานี คือ "พระเทพรัตนสุธี" กับตัวแทนสำนักพุทธและดีเอสไอ จึงตรวจใบสุทธิ (บัตรประชาชนพระ) พระทุกองค์ในวัดพระธรรมกาย ว่าเป็นพระจริง มาจากที่อื่น หรือเป็นพระของวัด ตรงตามบัญชีรายชื่อที่วัดมอบให้ ถ้าใช่ ก็แล้วไป ถ้าไม่ใช่ มาจากวัดไหน ก็นิมนต์กลับไปวัดนั้น แต่ตรวจแล้ว รายไหนปรากฏว่าเป็น "โจรแฝง" พระก็จะลากคอไปจำพรรษา ณ "ซังเตอาราม"! ความจริง ก็เช่นนี้ ไม่ได้เป็นอย่างข่าวแปลงที่ว่า "ไล่พระ" ทั้งหมด เพื่อหวังยึดวัด

       โทรทัศน์ช่องวัดธรรมกายปิดแล้วก็จริง แต่ยังออกอากาศในรูปแบบอื่น ผมเห็นโล้นหน้าคล้าย "นักปล้ำสีกา" แต่มาในมาดนักปราศรัย-ปลุกระดม ตอนปี ๕๓ บนเวที นปช.ว่าห้าวมะพร้าวแห้งแล้ว ฟังจอมโล้นห้าวกว่า นายกฯ ตู่ถูกโล้นธรรมกาย "สวดแล้วฝัง" ไม่เหลือซาก แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่....ที่หนักหนาเหลือรับก็ตรง เนื้อแท้ยังเป็นพระหรือไม่ นั่นเรื่องหนึ่ง แต่การพูดในภาพคนหัวโล้นห่มเหลือง

 

       โดยดึงเอาบุคคลในสถาบันเบื้องสูง มารวบรัดรองรับความเป็น "วัดพระธรรมกาย" และความเป็นธัมมชโยในสมณศักดิ์ "พระเทพญาณมหามุนี" ว่า "บริสุทธิ์-สมบูรณ์"! นับเป็นการบิดเบือนไม่บังควร เป็นการนำเรื่อง "ต่างกรรม-ต่างวาระ" อันไม่เกี่ยวกันเลย มายำตัดต่อ อันอาจสร้างความเข้าใจผิดใหญ่หลวงให้คนไม่รู้-ไม่เข้าใจ

 

       ซ้ำร้ายหนักไปอีก ...........บิดเบือนข้อมูลไปว่า ตำรวจออกข่าวโบสถ์วัดพระธรรมกายเถื่อน สร้างไม่ขออนุญาตทางการ และจะยึด! ความจริง ที่ผมฟัง ตำรวจเขาหมายถึงพื้นที่ในอาณาจักรธรรมกายร่วม ๒ พันไร่นั้น ในส่วนเป็น "วัดพระธรรมกาย" ไม่กี่ไร่ นอกนั้นอยู่ในรูปมูลนิธิ หรือชื่อบุคคล กับที่เป็นวัด ก่อสร้างได้ ไม่ต้องขออนุญาต คือเขาไม่แตะในส่วนวัด!

       แต่ส่วนอื่นที่ตีขลุมเป็นวัด แต่จริงๆ แล้ว เป็นโรงแรม เป็นรมณียสถาน เป็นแหล่งซ่องสุม อ้างธรรม-อ้างสวดบังหน้า เป็นแหล่งพาณิชย์ เป็นแหล่งฟอกเงิน เป็นแหล่งจัดสรรขาย ในส่วนเหล่านี้แหละ.........เขาจะตรวจสอบ "ที่มา-ที่ไป" สร้างกันถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่? ขออนุญาต ยื่นแบบแปลนหรือเปล่า ทำถูกตามกฎ-กติกาของการเป็นมูลนิธิหรือเปล่า? เป็นวัด-เป็นมูลนิธิ แต่เห็นมีทั้งฟิตเนส สปา สระว่ายน้ำ น้ำตก ห้องใต้ดินห้องนวดชะลอแก่ สถานเสริมสวย-เสริมงาม เครื่องสำอางเพียบ

 

       แถม "คลังน้ำมัน" อันเป็นยุทธปัจจัย ทั้งกักตุนอาหารเสบียงกรังประหนึ่งกองทัพ! สิ่งเหล่านี้ เจ้าพิธีกรโล้นจานบิน ไม่พูดถึง กลับพลิกลิ้น ปลุกระดมกลบเกลื่อนแต่ว่า ดีเอสไอจะยึดโบสถ์...จะยึดโบสถ์ ยึดโบสถ์ เท่ากับยึดวัด ใครเขาจะบ้าไปทำอย่างนั้น.......แต่กับคนที่ไม่เข้าใจ เห็นหัวโล้น-ห่มเหลืองเป็นผู้พูด ก็จะหลงเชื่อ! นี่คือการเสี้ยมด้วยข้อมูลเท็จ หวังสร้างความเกลียดชังให้เกิดในหมู่ประชาชนต่อรัฐบาล คนทั่วไปทำ ก็รับไม่ได้อยู่แล้ว แต่นี่...คนในคราบพระ "มือขวาทัตตะ" จัดรายการของวัดออนไลน์สด เรียกว่าหยาบช้า และบังอาจ จงใจบ่อนทำลายสถาบัน ไม่ควรปล่อยไว้

 

       ก็อย่างที่บอก........."สงครามพื้นที่" ไม่น่ากลัวเท่า "สงครามออนไลน์" ทุกหน่วยงานรัฐ จะต้องหันมาให้ความสำคัญตรงนี้ ไม่เช่นนั้น "รบร้อยครั้ง-แพ้ร้อยครั้ง"! ประเด็นหลักที่รัฐบาลโดยดีเอสไอต้องทำให้ชัด ว่าปฏิบัติการตรวจค้นอาณาจักรธรรมกาย ในพื้นที่ร่วม ๒,๐๐๐ ไร่ นั้น เป้าหมาย คือ

-"แยกโจร" ออกจากพระ

-"แยกพระ" ออกจากโจร

และ....

-"แยกพื้นที่วัด" ออกจากซ่องโจร

-"แยกซ่องโจร" ออกจากพื้นที่วัด

       ไม่มีเป้าหมาย "ยึดวัด-ยึดโบสถ์-ไล่พระ" อย่างที่ธรรมกายกำลังบิดเบือนเป็นประเด็น ปลุกปั่น-ปลุกระดม ให้เข้าใจผิดด้วยหวังให้คนที่หลงเชื่อ ออกมาร่วมต่อต้าน-ขัดขวาง การทำงานของตำรวจ-ดีเอสไอขณะนี้! ก็ทราบท่าทีของทางบ้านเมืองมาตลอด วันนี้มาทราบท่าทีของทางคณะสงฆ์บ้าง

 

       เมื่อวาน (๒๐ ก.พ.) มหาเถรสมาคมประชุมนัดปฐมฤกษ์ อันมี "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" สมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ทรงเป็นประธาน เรื่องสำคัญควรทราบ........เรื่องแรก สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง "พระพรหมมุนี" (สุชิน อคฺคชิโน) วัดราชบพิธฯ เป็น "เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช" เรื่องที่สอง นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักพุทธแจ้งว่า "พระพรหมมุนี" เลขาฯ สมเด็จพระสังฆราช"มีบัญชาให้เจ้าคณะปกครอง ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายทั้งหมดประชุมหารือถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น"

 

       โดยมี "สมเด็จพระพุทธชินวงศ์" เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นประธานการประชุมประกอบด้วยเจ้าคณะภาค ๑ "พระเทพสุธี (สายชล ฐานวุฑฺโฒ)" วัดชนะสงคราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี "พระเทพรัตนสุธี" วัดเขียนเขต มีผู้แทนกระทรวงยุติธรรมและผู้แทนมหาเถรสมาคมเข้าร่วม

 

       สรุป......กรณีวัดพระธรรมกายและธัมมชโย บัดนี้ ทั้งฝ่ายบ้านเมืองและฝ่ายคณะสงฆ์ ทำงาน "ร่วมประสาน" เพื่อทำพระให้เป็นพระ-ทำวัดให้เป็นวัดแล้ว!

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณข้อมูล : เปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์