- 02 มี.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://www.tnews.co.th
ถือเป็นเหตุกรณีเศร้าที่เกิดขึ้นอีกครั้งการสูญเสียชีวิตของบุคคล อันเนื่องมาจากโรคประจำตัว และต่อมากรณีนี้ถูกศิษย์สาวกวัดธรรมกาย นำไปบิดเบือนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกล่าวโทษว่าร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยเหตุอันสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 44 จนท้ายสุดความจริงก็ปรากฎจากคำบอกเล่าของอาสากู้ภัย ในฐานะผู้ทำหน้าที่จิตอาสาโดยไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ความจริงก็คือความจริง!! ทีมกู้ชีพแจงนาทีชีวิตช่วยอาสาพยาบาลธรรมกายก่อนสิ้นลม ไม่ล่าช้าไม่มีจนท.รัฐปิดกั้น #ศิษย์สาวกหยุดบิดเบือน!!??!!
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ก็คือการให้ข้อมูลของศิษย์สาวกธรรมกาย แม้ว่าข้อเท็จจริงจะกระจ่างชัดแล้วว่า การเสียชีวิตของ น.ส.พัฒนา เชียงแรง ทำหน้าที่ช่วยงานพยาบาลศูนย์รัตนเวช นอกจากจะไม่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อำนาจตามมาตรา 44 แล้ว การโยนความผิดสู่เจ้าหน้าที่รัฐ โดยอ้างอิงปัญหาการปฏิบัติที่ของอาสากู้ภัย เป็นสะพานไปบิดเบือนข้อเท็จจริง ยิ่งทำให้สาธารณชนมั่นใจมากขึ้นว่า วัดธรรมกายเวลานี้กำลังสร้างความเสื่อมให้กับตัวเองลงทุกขณะ โดยเฉพาะคำพูด คำกล่าวอ้าง สวนทางกับพยานคนกลางอย่างอาสากู้ภัย ปทุมธานี อย่างสิ้นเชิง
อีกด้านหนึ่งถ้อยแถลงของพระเสกสรรค์ อัตตทโม และพระอิสรภาพ อาจรสัมปันโน พระลูกวัดเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ที่ยังคงมุ่งมั่นกล่าวหาการปฏิบัติหน้าที่ของทุกฝ่าย ตามภารกิจของตนเองอย่างดีที่สุด คือเชื้อประกายอย่างดีที่ต้องนำสืบต่อไปว่าวัดธรรมกายนอกเหนือจากอบรมสั่งสอนวิธีคิด ให้คนทำบุญด้วยทรัพย์สินจำนวนมากๆ เพื่อต่อยอดบุญ หรือ แนวธรรมะที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักพุทธศาสนาแล้ว ศาสนสถานแห่งนี้ได้หล่อหลอมความงมงายอื่นใดซ่อนแฝงที่เป็นอันตรายต่อสังคมไทยอีกหรือไม่ ??
ตัวอย่างหนึ่งที่อาจสื่อให้คลายความสงสัยข้างต้นได้ ก็คือ ข้อความในเฟซบุ๊กของ นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ตามที่ระบุว่า
ขอแสดงความอาลัยต่อการจากไปของพี่สาวที่แสนเก่งและดี...ต้นแบบยอดนักสร้างบารมีที่จะอยู่ในใจของหมู่คณะตลอดไป...
"พี่พัฒ - กัลฯ พัฒนา เชียงแรง - เจ้าหน้าที่จิตอาสาศูนย์พยาบาลมูลนิธิธรรมกาย" ขออานุภาพแห่งมหาปูชนียาจารย์ รวมทั้งบุญกุศลที่พี่ได้กระทำมาอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันตลอดมา พร้อมบุญกุศลที่ผมได้กระทำไว้ดีแล้ว จงเสริมส่ง
ให้ดวงวิญญาณของพี่ มีความสุขในสุขคติโลกสวรรค์ยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเทอญฯ จากใจและอาลัยรัก... น้องชายคนหนึ่ง "Art องอาจ ธรรมนิทา"
ย้ำทวนจากข้อความดังกล่าวมีการพูดถึงการเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อพระธัมมชโย โดยไม่สนใจเหตุผล ความผิดถูก ใช่เหตุจูงใจที่เป็นคำสอนของศิษย์สาวกวัดธรรมกาย ที่ได้รับบ่มเพาะมาจากพระธัมมชโยใช่หรือไม่ ถือเป็นข้อพิจารณาสำคัญ ??
เพราะต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้แถลงผลการเจรจาเข้าค้นพื้นที่วัดพระธรรมกายร่วมกับพระทัตตชีโว ซึ่งประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ว่า พระทัตตชีโวปฏิเสธที่จะพูดคุยและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ดังนั้นดีเอสไอจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอนทันที โดยการการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตามประตูต่าง ๆ ตามกรอบของกฎหมายอย่างเป็นขั้นเป็นตอน คู่ขนานไปกับการพูดคุย ซึ่งหากบุคคลใดประสงค์ที่จะออกจากพื้นที่ให้ประสานรีบมา และออกจากพื้นที่ทางประตู 7 ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป โดยเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้
ต่อมาปรากฎว่าเจ้าหน้าที่วัดที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์และประชาชนรวม กว่า 10 คน แสดงความจำนงค์ออกจากพื้นที่ ขณะที่หน่วยทีมกู้ชีพของมูลนิธิร่วมกตัญญู นำรถพยาบาลมาเพื่อรอรับผู้ป่วยจากภายในวัด แต่ทางวัดธรรมกายเลือกไม่แจ้งจำนวนผู้ป่วยอย่างชัดเจน โดยมีการประสานส่งมอบผู้ป่วยซึ่งเป็นหญิงชรา เพียง 1 คนเท่านั้น
สืบค้นต่อไปหลายครั้งที่สาธารณชนจะเห็นการถือป้ายข้อความที่มีนัยสำคัญ ว่า ทุกคนพร้อมจะตายเพื่อหลวงพ่อ !!! ขณะที่เพจเฟซบุ๊กวัดธรรมกายก็ปูพื้นฐานความคิดแนวทางชีวิตหลังความตายเพื่อพระธัมมชโยไว้อย่างเลิศเลอ
ท้ายสุดจึงอาจไม่ถือเป็นเรื่องแปลกใจ เมื่อเกิดกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.พัฒนา เชียงแรง ภายในห้องพักอย่างน่าเศร้าสลด เพราะโรคประจำตัว ข้อความการแสดงความเห็นในลักษณะสอดคล้องไปกับข้อเขียนของนายองอาจ ธรรมนิทา
เรียบเรียง : นิตติยา สำนักข่าวทีนิวส์