- 03 มี.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://www.tnews.co.th/
ยังคงเป็นสถานการณ์ที่หลายคนให้ความสนใจ จากกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ประกาศใช้มาตรา 44 ให้วัดพระธรรมกาย เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษร่วมกับเจ้าคณะจังหวัด ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจและสำนักพระพุทธศาสนา เพื่อเข้าจับกุมและดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2560 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาในการดำเนินการควบคุมนั้น มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย อาทิ อดีตนายตำรวจพกพาอาวุธปืนหวังเข้าไปในวัดพระธรรมกาย การปะทะของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและศิษยานุศิษย์-พระสงฆ์วัดพระธรรมกาย รวมไปถึงชายนิรนามพกพาระเบิดเป็นเหตุให้ถูกเจ้าหน้าที่ยิงสกัดหลังขัดขืน
ล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ออกมาตรการควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฏหมาย ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีคำสั่งมาตรการ ดังนี้
1.ควบคุมการเข้าหรือออกในพื้นที่
2.สั่งให้บุคคลใดออกจากพื้นที่ภายในเวลาที่กำหนดหรือสั่งให้บุคคลใดเข้าไปอยู่ในพื้นที่ใดเพื่อประโยชน์ในการควบคุมหรือดูแลความปลอดภัย หรือให้งดเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นการรบกวนหรือขัดขวางการปฏบิติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่
3.ออกคำสั่งเรียกให้บุคคลใดมารายงานตัวหรือให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตลอดจนส่งมอบเอกสารหรือหลักฐานใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
4.จับกุมตัวบุคคลที่กระทำความผิดอาญาซึ่งหน้า และควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
5.ดำเนินการเพื่อควบคุมระบบสาธารณูปโภค ระบบการสื่อสาร การใช้อากาศยานไร้คนขับ ตลอดจนกำหนดมาตรการและดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการควบคุมหรือดูแลความปลอดภัย
6.เข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใดเพื่อตรวจค้น รวมตลอดทั้งค้นตัวบุคคลและยานพาหนะ
7.รื้อถอน ทำลาย หรือเคลื่อนย้ายสิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งกีดกั้น
8.ดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นตามสมควรแก่กรณี
อย่างไรก็ตาม ทางดีเอสไอ ยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ใดขัดขวางหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งนี้ ให้ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.
สามารถรับชมคลิปได้ที่นี่
เรียบเรียงโดย กำพลาภร สำนักข่าวทีนิวส์
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก กรมสอบสวนคดีพิเศษ