บอกแล้วงัยของจริง..วัดที่ผลงาน!!! ศาลอาญาคดีทุจริตฯประเดิมจำคุกอดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 245 ปี ฮั้วประมูลเอกชนปี 43 !?!

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

ถือเป็นคดีสำคัญที่เพิ่งมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ   โดยมีรายงานข่าวว่าศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง   ได้มีคำพิพากษาจำคุก นางประไพศรี เผ่าพันธุ์ อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำเลยที่ 1 รวม 49 กระทง ๆ ละ 5 ปี เป็นเวลาทั้งสิ้น 245 ปี ฐานกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล)พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ที่เป็นบทหนัก แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี และลงโทษข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กับเอกชนผู้เสนองาน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดสมยอมราคา อีกรวม 13 รายให้จำคุก คนละ 30 - 40 กระทง รวมจำคุกตั้งแต่ 100 - 205 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี  พร้อมกับพิพากษายกฟ้อง ข้าราชการชั้นผู้น้อยประมาณ 20 รายเนื่องจากเห็นว่าเป็นเพียงผู้รับเรื่องประมูล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสมยอมราคาและการทุจริต

         

ทั้งนี้คดีดังกล่าวมีข้อมูลประกอบว่า  เป็นสำนวนคำฟ้องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเมื่อปี 2558 และส่งอัยการสูงสุด ฟ้องดำเนินคดีนางประไพศรี อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน , ข้าราชการในกรมและเอกชน รวมกว่า 30 ราย ร่วมกันทุจริตดำเนินโครงการจัดจ้างปรับปรุงซ่อมแซมสระน้ำ ถนน อาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ระหว่างปีงบประมาณ 2543-2545 จำนวน 201งานจ้าง หรือ 201 สัญญา เป็นเงินทั้งสิ้น 311,317,086 บาท ซึ่งมีพฤติการณ์ช่วยเหลือเอกชนรายใดรายหนึ่งให้เป็นคู่สัญญารับจ้างทำงานปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ด้วยการอนุมัติให้จัดจ้างโดยวิธีแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะจ้างในครั้งเดียวกัน เพื่อให้วงเงินต่ำกว่าที่จะจ้างโดยวิธีประกวดราคา เป็นโดยวิธีสอบราคา และเพื่อให้อำนาจสั่งจ้างเปลี่ยนแปลงไป จากที่เป็นอำนาจของอธิบดี ให้เป็นอำนาจของตนเองแทน โดยไม่มีการดำเนินการสอบราคาและแข่งขันเสนอราคากันจริง ทั้งได้ทำเอกสารการดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีสอบราคาเป็นเท็จ ปลอมและใช้เอกสารใบเสนอราคาของเอกชนรายอื่นมาเป็นหลักฐานแข่งขันเสนอราคากับเอกชนรายที่ได้เลือกให้เป็นผู้รับจ้างทำงานนั้น

ทางด้าน  นายนิกร ทัสสโร รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นับแต่เปิดทำการศาลอาญาคดีทุจริตฯ   คดีนี้ถือเป็นคดีแรกที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาลงโทษจำคุกสูงสุดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในคราวเดียวจำนวนมากกว่า 10 คนโดยส่วนใหญ่ศาลวางโทษจำคุกแต่ละคนตั้งแต่ 100 ปี จนถึง 240 ปีแต่ตามกฎหมายรวมโทษแล้วสำหรับโทษจำคุกนั้นจำคุกได้เพียง 50 ปี ขณะนี้จำเลยประมาณ 10 คนได้ถูกคุมขังในเรือนจำนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ทั้งนี้เนื่องจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว แม้จำเลยจะได้ยื่นขอประกันตัวหลายครั้งแล้วก็ตาม

 

อย่างไรก็ดี ในส่วนเนื้อหาของคดีจำเลยสามารถอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตได้ตามกฎหมายได้   รวมถึงกรณีเฉพาะจำเลยที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำนั้นยื่นอุทธรณ์ได้โดยไม่ต้องมาแสดงตนต่อศาลแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีสิทธิยื่นประกันตัวใหม่ได้ และเนื่องจากคดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยบางคน ดังนั้นอัยการสูงสุดโจทก์ ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ในส่วนของจำเลยที่ศาลพิพากษายกฟ้องได้ด้วย

 

ส่วนแนวทางการชดใช้ค่าเสียหายคืนแก่รัฐ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ กล่าวว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้เสียหายควรจะนำคำพิพากษาไปศึกษาและหากยังไม่ได้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายก็ควรรีบดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายคืนแก่รัฐอันเกิดจากการที่จำเลยที่ได้กระทำลง ซึ่งจริง ๆ ในทุกคดีหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องควรติดตามคดี เพราะเมื่ออัยการสูงสุดฟ้องคดีแล้ว หน่วยงานรัฐ ผู้เสียหาย สามารถที่จะยื่นคำขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งคืนแก่รัฐเข้ามาในคดีอาญาได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล แต่คดีนี้ไม่ปรากฏว่าหน่วยงานของรัฐยื่นคำของทางแพ่ง ดังนั้นหลังจากมีคำตัดสินแล้วหน่วยงานรัฐอาจจะต้องไปดำเนินการเรื่องค่าเสียหายคืนแก่รัฐเป็นเรื่องใหม่ต่างหาก

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558  นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวถึงผลการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหานางสาวภัคภร เรขะกมลพร (ประไพศรี  เผ่าพันธุ์) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองคลัง และรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กับพวก รวม 38 คน ทุจริตในการดำเนินโครงการจัดจ้างปรับปรุงซ่อมแซมสระน้ำ ถนน อาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ระหว่างปีงบประมาณ 2543-2545 จำนวน 201 งานจ้าง หรือ 201 สัญญา เป็นเงินทั้งสิ้น 331,317,086 บาท ซึ่งมีศาสตราจารย์ ดร.ภักดี  โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่านางสาวภัคภร เรขะกมลพร (ประไพศรี เผ่าพันธุ์) ได้ดำเนินโครงการจัดจ้างปรับปรุงซ่อมแซมสระน้ำ ถนน อาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำนวน 201 สัญญาดังกล่าว โดยมีพฤติการณ์ช่วยเหลือเอกชนรายใดรายหนึ่ง ให้เป็นคู่สัญญารับจ้างทำงานปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ด้วยการอนุมัติให้จัดจ้าง และหรือสั่งจ้าง โดยวิธีการแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะจ้างในครั้งเดียวกัน เพื่อให้วงเงินต่ำกว่าที่จะจ้างโดยวิธีประกวดราคา เป็นโดยวิธีสอบราคา และเพื่อให้อำนาจสั่งจ้างเปลี่ยนแปลงไป จากที่เป็นอำนาจของอธิบดี ให้เป็นอำนาจของตนเองหรือของผู้อำนวยการกองคลังแล้วแต่กรณี โดยไม่มีการดำเนินการสอบราคาและแข่งขันเสนอราคากันจริง ทำเอกสารการดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีสอบราคาเป็นเท็จ ปลอมและใช้เอกสารใบเสนอราคาของเอกชนรายอื่นมาเป็นหลักฐานแข่งขันเสนอราคากับเอกชนรายที่ได้เลือกให้เป็นผู้รับจ้างทำงานนั้น

 

เรียบเรียง  :  นิตติยา  สำนักข่าวทีนิวส์