- 08 มี.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://www.tnews.co.th
แม้ถึงนาทีนี้จะยังหาข้อสรุปชัดเจนไม่ได้ว่า ที่สุดแล้วดีเอสไอและเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จะได้ตัว “พระธัมมชโย” มาดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการทำหน้าที่สุดกำลังเพื่อจับกุมตัว “พระธัมมชโย” ให้ได้เพื่อรักษาไว้ซึ่งบรรทัดฐานการบังคับใช้กฎหมาย ก็คือความจริงในทุกมิติปริศนาเกี่ยวกับ “พระธัมมชโย” และ “วัดธรรมกาย” ได้ถูกไขให้กระจ่าง จนประจักษ์ชัดแก่สาธารณชนด้วยการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนทุกแขนง
ดังนั้นกระบวนทัศน์ต่อดวงการพุทธศาสนาในอนาคต จึงยิ่งน่าสนใจว่าภายภาคหน้าศาสนาพุทธที่เป็นศาสนาประจำชาติ จะได้รับการพัฒนาฟื้นฟูและปฏิรูปให้ดีขึ้นอย่างไร เช่นประเด็นข้อคำถามที่ “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม “ ผู้อำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ ตั้งโจทย์ไว้ว่า “จบ! ธรรมกาย…ถึงเวลาสังคายนาสงฆ์ไทย??”
“พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ถอดถอนสมณศักดิ์ “พระธัมมชโย” จาก “พระเทพญาณมหามุนี” เป็นพระธรรมดานั่นชัดเจนว่า ความพยายามที่จะถวายฎีกาของคณะศิษย์ยานุศิษย์ “พระธัมชโย” น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดหวังได้ เพราะมีพระบรมราชโองการชัดเจนลงมาแล้ว!!
ปัญหาของ”วัดพระธรรมกาย” เกิดขึ้นจาก”พระธัมมชโย” ผู้ก่อร่างสร้างวัดนี้มาเองและต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า “ความผิด” ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ไม่ได้เริ่มต้นจาก “ความชั่ว” หรือ “สิ่งที่คิดชั่ว” แต่เป็น “ความหลง” ซึ่งส่งผลให้ ให้เกิดความเสียหายได้มากกว่า”ความคิดชั่ว”!!!
“หลงตน” ว่าเป็น”ผู้วิเศษ” เห็นลูกศิษย์ศรัทธาห้อมล้อมมาก ก็ตั้งจิตเจตนาในการที่จะขยายและเผยแพร่คำสั่งสอนของ “พระพุทธศาสนา” ออกไปให้กว้างขวางแข่งขันกับศาสนาอื่น จึงหลงไปว่าการสร้าง”ศาสนสถานที่ใหญ่โต” และ “มากมาย” จึงจะทำให้บรรลุเป้าหมายนั้น
แต่ในสัจจะ-ความเป็นจริง “สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า อายุของพระพุทธศาสนาใน “พระพุทธเจ้าสมณโคดม” จะมีอายุ “5,000 ปี” และสิ่งที่จะดำรงคงพระพุทธศาสนาเอาไว้ให้ครบตาม “พุทธพยากรณ์” คือ “พระธรรม” และ “พระวินัย”ไม่ใช่ศาสดาที่มาสืบทอดหรือศาสนสถานใดๆ
เมื่อ “หลงผิด” ไปอย่างนั้น ก็ทำให้ “คำสอน” ไปยังศิษยานุศิษย์ผู้ศรัทธาก็กลายเป็นคำสอนที่ “บิดเบือน” เร่งระดมเงินไป”สร้างบุญ” ด้วยการเอามาสร้าง”ศาสนสถาน”ด้วยการสร้างค่านิยมให้”ทำบุญ” กันอย่างสุดตัว ไม่มีเงินก็ให้มีการ “ผ่อนทำบุญ” หรือถ้ามีเงินก็ถึงขั้นให้ “ปิดบัญชี” มาทำบุญ
ร้ายไปกว่านั้นลูกศิษย์ที่อยากจะเอาหน้า เพราะค่านิยมในการทำบุญมาก “ศิษย์” ก็ไปโกงเงินมาทำบุญอย่าง”ศุภชัย”เป็นต้น
ผลจาก”ความหลง”ความชั่วและการก่ออาชญากรรมจึงตามมาและได้ชักโยงเอาสิ่งเหล่านั้นมาเกี่ยวพันกับ”พระธัมมชโย”ตามกรรมที่ได้กระทำไว้!!
นอกจากการสร้าง”ศาสนสถาน” เพื่อความยิ่งใหญ่แล้ว ยังได้สร้าง “ความแตกแยก” ระหว่างนิกายของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ระหว่าง”ธรรมยุตินิกาย”กับ”มหานิกาย” เพื่อสร้าง”บารมี” เหนือพระมหานิกายซึ่งมีอยู่ในประเทศไทยถึง 256,826 รูปใน 36,130 วัด ในขณะที่พระธรรมยุตมีอยู่เพียง 33,189 รูปใน 3,317 วัด
เราจึงได้เห็นการระดมพระ”หลายหมื่นรูป”โดยสร้างเงื่อนไขจัดงานต่างๆเช่นงานวันเกิด”พระธัมมชโย”งาน “ธุดงค์ธรรมชัย” หรือ “ตักบาตรหมื่นรูป” ซึ่งดูเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่าอีกด้านหนึ่งก็คือการให้ผลประโยชน์ตอบแทนกับพระเหล่านั้นในรูปแบบต่างๆ จนมีอิทธิพลเหนือพระเหล่านั้น ตั้งแต่ชั้นสมเด็จพระราชาคณะจนมาถึงพระธรรมดา
วันนี้เราจึงได้เห็นการปกป้องพระธัมมชโยในทุกรูปแบบจากพระเหล่านี้??
ฟันธง!!!ได้เลยว่า นับตั้งแต่แก้ “พ.ร.บ.คณะสงฆ์” แล้วสถาปนา “สมเด็จพระสังฆราช” จนถึงประกาศใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่และเปลี่ยน ผอ.สำนักพุทธฯ มาจนถึงมี “พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ” ถอดถอนสมณศักดิ์ ”พระธัมมชโย”วันนี้ “… ถือว่า “ธรรมกาย” จบสิ้นแล้ว!!
จากนี้ไปนับถอยหลังได้เลยก็คือ “การสังคายนาคณะสงฆ์ไทย” ให้อยู่ในพระธรรมวินัยที่ถูกต้องต่อไป !!
คอลัมน์ : ทางเดียวไม่เลี้ยงไปไหน /หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3242 ระหว่างวันที่ 9-11 มี.ค.2560
เรียบเรียง : นิตติยา สำนักข่าวทีนิวส์