- 09 มี.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณี พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 27/2559 ได้รับมอบหมายจากพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้เข้ารายงานข้อเท็จจริงในการดำเนินคดีอาญากับพระธัมมชโย ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน สมคบฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ซึ่งผลการสอบสวนพบหลักฐานมีมูลเพียงพอให้น่าเชื่อว่าพระธัมมชโย กระทำความผิดจริงนั้น
ทั้งนี้ต่อมาอัยการก็มีความเห็นสั่งฟ้องคดี แต่พระธัมมชโย ซึ่งได้หลบเลี่ยงไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้เจ้าหน้าที่มีหมายค้นและหมายจับแต่พระธัมมชโย ยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมอบตัว และยังฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ที่เรียกให้เข้ารายงานตัวถึง 2 ครั้งด้วย นอกจากนี้ดีเอสไอ ยังแจ้งต่อสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือพศ.ด้วยว่า การกระทำความผิดในข้อหารับของโจรต้องอาบัติปาราชิก จึงขอยื่นเรื่องให้พศ.ส่งต่อไปยังมหาเถรสมาคม หรือ มส. เพื่อพิจารณาตามพระธรรมวินัย
ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ก็ได้เข้ารายงานผลคดีฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับการยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่น ซึ่งเคยเป็นไวยาวัจกรวัดพระธรรมกายนานถึง 15 ปี โดยปปง.ได้ตรวจสอบทรัพย์สินและอายัดเงินในบัญชีธนาคารของพระธัมมชโยและเครือข่ายมูลนิธิของวัดธรรมกายรวม 4 บัญชี มูลค่า 50 ล้านบาท
ล่าสุด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้มายื่นเรื่องขอให้ พศ. เสนอให้มหาเถรสมาคม ดำเนินการทางพระธรรมวินัย เอาผิดกับพระไชยบูลย์ สุทธิผล เนื่องจากพบว่า ความผิดทางอาญาหลายกรณี โดยเฉพาะกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งในการประชุม มส.วันที่ 10 มีนาคมนี้ ซึ่งตนจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอให้มส. เป็นวาระจร เพื่อพิจารณา ว่าจะดำเนินการอย่างไร ขณะเดียวกันจะกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช เพื่อทรงทราบเรื่องการถอดถอนสมณศักดิ์ในที่ประชุมมส.ด้วย
เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์