- 15 มี.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีนายกฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส เปิดเผยว่าเดือนม.ค.ที่ผ่านมาได้นำเงินทุนหมุนไปลงทุนซื้อหุ้นกู้ ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จากธนาคารที่ทำหน้าที่จัดจำหน่ายมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ล่าสุดนายกฤษดา ได้ลาออกจากผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยแล้ว โดยบอร์ดได้มีมติอนุมัติ
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ นายกฤษดา ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า เป็นการลงทุนหุ้นกู้ลักษณะการซื้อตราสารหนี้ โดยได้ดอกเบี้ยอัตรา 3% ต่อปี ที่ไม่มีความเสี่ยง โดยไม่ได้เป็นการลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแต่อย่างใด การลงทุนซื้อหุ้นกู้ ซีพีเอฟ ดังกล่าว เป็นหนึ่งในรูปแบบการลงทุนปกติ ของ ส.ส.ท. ตาม พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 ตาม มาตรา 11 เรื่องทุน ทรัพย์สินและรายได้ขององค์กร (7)ดอกผลที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินขององค์กร
ตามพ.ร.บ.ไทยพีบีเอส ได้รับเงินสนับสนุนจากภาษีสุราและยาสูบอัตรา 1.5% สูงสุดไม่เกินปีละ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับการจัดสรรตลอดปี แต่ช่วงต้นปีจะได้รับเงินจัดสรรก้อนใหญ่กว่าทุกช่วง คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่ต้องบริหารเงินทุนหมุนเวียนในแต่ละปีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแนะนำการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงสุดภายใต้ พ.ร.บ. กำหนดให้สามารถดำเนินการได้
โดยรูปแบบการลงทุนที่ผ่านมา เพื่อบริหารเงินและสินทรัพย์องค์กร ตามมาตรา 11 (7) ใช้วิธีทั้งการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว เช่น การฝากเงินกับธนาคารทั้งรัฐและเอกชน ,การลงทุนตราสารหนี้ ทั้งภาคเอกชน พันธบัตรภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ เพื่อกระจายความเสี่ยงและบริหารเงินทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด การซื้อหุ้นกู้ ซีพีเอฟ ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์แล้วว่า เป็นหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A+ สูงที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นกู้บริษัทเอกชนและพันธบัตรขณะนั้นซึ่งอยู่ที่ราว 2% รวมทั้งสูงกว่าเงินฝากธนาคารระยะสั้นและระยะ 12 เดือน ซึ่งในแต่ละปีไทยพีบีเอส มีผลตอบแทนจากการบริหารเงินทุนหมุนเวียนและการลงทุนต่างๆประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้นายกฤษดา ยังกล่าวอีกว่าการซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟ ไม่มีผลต่อการนำเสนอข่าวของกลุ่มซีพี ซึ่งไทยพีบีเอสพร้อมให้ทุกองค์กรและประชาชน ตรวจสอบการนำเสนอข่าวเครือซีพีหลังจากนี้ ที่ยังมุ่งผลประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก ที่ผ่านมา ไทยพีบีเอส ฝากเงินกับธนาคารรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการลงทุนให้เกิดดอกผลจากเงินทุนหมุนเวียน และธนาคารที่ฝากเงิน ไม่มีผลต่อการนำเสนอข่าวของไทยพีบีเอส แต่อย่างใด
เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ หนูแก้ว สำนักข่าวทีนิวส์