พิโธ่ถัง..กรรมประเทศ!! "ปึ้ง สุรพงษ์"ลั่นกลางวงสนช.ไม่เห็นว่า "ทักษิณ" มีพฤติการณ์เป็นภัย?? โดนปปช.สวนปังไม่รู้หรือศาลสั่งห้ามออกนอกปท.!?!

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. เป็นประธาน เพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่งกรณีการออกหนังสือเดินทางให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ โดยเป็นขั้นตอนกระบวนการซักถามของคณะกรรมการซักถามต่อคู่กรณีคือกรรมการ ป.ป.ช. และนายสุรพงษ์ โดยคำถามทั้งหมด 24 คำถาม รวมถึงการให้ป.ป.ช.ชี้แจงความผิดของนายสุรพงษ์ที่สั่งการให้หนังสือเดินทางแก่นายทักษิณภายในวันเดียว และกรณีที่นายสุรพงษ์อ้างว่า เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงต่างประเทศในการพิจารณาออกหนังสือเดินทางให้แก่นายทักษิณ ไม่ใช่เป็นอำนาจของรมว.ต่างประเทศ
          

ด้านน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ได้ตอบข้อซักถามของกมธ.ว่า ยืนยันว่า นายภักดีมีคุณสมบัติเป็นกรรมการป.ป.ช.ถูกต้อง การที่นายสุรพงษ์อ้างคำพูดของนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าสตง.ว่า นายภักดีไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทเอกชนก่อนมารับตำแหน่งป.ป.ช.ภายในเวลาที่กำหนดนั้น คนที่จะชี้ขาดเรื่องนี้มีเพียงศาลรัฐธรรมนูญและวุฒิสภาเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้วุฒิสภาเคยลงมติไม่ถอดถอนนายภักดีมาแล้ว ป.ป.ช.ยืนยันว่า การที่นายสุรพงษ์ใช้ดุลยพินิจออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณนั้น ทำผิดระเบียบกระทรวงต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางอย่างชัดเจน 

 

เพราะมีเงื่อนไขว่า ไม่สามารถออกหนังสือเดินทางแก่ผู้มีคดีก่อการร้ายได้ และนายทักษิณอยู่ในบัญชีรายชื่อห้ามออกหนังสือเดินทาง แต่กลับมีการออกหนังสือเดินทางให้ ใช้เวลาแค่ 1 วัน โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)และศาล ส่วนการอ้างว่า เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงต่างประเทศพิจารณาออกหนังสือเดินทาง ไม่ใช่อำนาจรมว.ต่างประเทศนั้น ป.ป.ช.เห็นว่า นายสุรพงษ์สั่งการในฐานะรมว.ต่างประเทศให้ออกหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณ เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
          

ด้านน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ได้ตอบข้อซักถามของกมธ.ว่า ยืนยันว่า นายภักดีมีคุณสมบัติเป็นกรรมการป.ป.ช.ถูกต้อง การที่นายสุรพงษ์อ้างคำพูดของนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าสตง.ว่า นายภักดีไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทเอกชนก่อนมารับตำแหน่งป.ป.ช.ภายในเวลาที่กำหนดนั้น คนที่จะชี้ขาดเรื่องนี้มีเพียงศาลรัฐธรรมนูญและวุฒิสภาเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้วุฒิสภาเคยลงมติไม่ถอดถอนนายภักดีมาแล้ว ป.ป.ช.ยืนยันว่า การที่นายสุรพงษ์ใช้ดุลยพินิจออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณนั้น ทำผิดระเบียบกระทรวงต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางอย่างชัดเจน 

 

 

เพราะมีเงื่อนไขว่า ไม่สามารถออกหนังสือเดินทางแก่ผู้มีคดีก่อการร้ายได้ และนายทักษิณอยู่ในบัญชีรายชื่อห้ามออกหนังสือเดินทาง แต่กลับมีการออกหนังสือเดินทางให้ ใช้เวลาแค่ 1 วัน โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)และศาล ส่วนการอ้างว่า เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงต่างประเทศพิจารณาออกหนังสือเดินทาง ไม่ใช่อำนาจรมว.ต่างประเทศนั้น ป.ป.ช.เห็นว่า นายสุรพงษ์สั่งการในฐานะรมว.ต่างประเทศให้ออกหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณ เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
          

 

ขณะที่นายสุรพงษ์ ได้ชี้แจงคำถามของกมธ. ว่า การสั่งออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณเป็นการวินิจฉัยทางการเมือง ไม่ใช่การวินิจฉัยทางข้อกฎหมาย ซึ่งสามารถเห็นแตกต่างได้ โดยไม่เห็นว่านายทักษิณมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อประเทศไทย ส่วนระยะเวลาออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ ภายในวันเดียวนั้น ปกติขั้นตอนการขอหนังสือเดินทางผ่านกรมการกงสุลต่างประเทศ ใช้วิธีส่งข้อมูลทางอิเลคทรอนิคส์มายังกรมการกงสุลในประเทศไทย หากคำถูกต้องตามหลักเกณฑ์ก็ดำเนินการได้ทันที ดังนั้นกรณีของนายทักษิณจึงสามารถดำเนินการได้ภายใน 1 วัน เป็นขั้นตอนปกติ ส่วนที่ระบุว่า นายทักษิณมีรายชื่อขึ้นบัญชีดำนั้นก่อนหน้านี้กระทรวงต่างประเทศได้สอบถามข้อมูลไปยังสตช.และศาลแล้ว แต่ไม่เคยมีหนังสือตอบกลับมาว่า ไม่ควรออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ สำหรับกรณีที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่า จะมอบหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณเป็นของขวัญปีใหม่นั้น เป็นแค่มุกในการให้สัมภาษณ์เพราะเป็นช่วงใกล้ปีใหม่เลยพูดเช่นนั้น แต่การดำเนินการของตนไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือหลักเกณฑ์ หรือสั่งให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย

 

 


หลังจากที่ป.ป.ช.และนายสุรพงษ์ตอบคำถามจากกมธ.ซักถามครบถ้วนทั้งหมด โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. ในฐานะประธานที่ประชุม แจ้งต่อที่ประชุมว่า ได้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาแถลงปิดคดีในวันที่ 29 มี.ค. และนัดพิจารณาลงมติจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอนนายสุรพงษ์ในวันที่ 30 มี.ค.

 

 

ทั้งนี้นายทักษิณ  ชินวัตร  มีคดีอาญาที่อยู่ในข่ายติดตามตัวตามหมายจับรวมทั้งสิ้นประมาณ  7  คดี  อาทิ  1.คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ให้กับรัฐบาลพม่าวงเงิน 4,000 ล้านบาท 2. คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว  3.คดีทุจริตแปลงสัมปทานมือถือ-ดาวเทียม  4.คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก 5.คดีก่อการร้าย  6.คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัท กฤษดามหานคร  และล่าสุด 7. นายทักษิณ ตกเป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น (กองทัพบก)   โดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 ตามคดีดำหมายเลข อ.1824/2558  โดยศาลอาญา ได้นัดสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐานในคดี เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2558 แต่จำเลยมีพฤติการณ์หลบหนีคดี ศาลจึงออกหมายจับหนีศาล พร้อมกับสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว