แฉหมดเปลือก!!! สาเหตุที่ทำ "โรงพยาบาลรัฐ" ถังแตก-เจ๊งไม่เป็นท่า ทั่วประเทศ เพราะโครงการผลไม้พิษ รักษาทุกโรค?!!

ติดตามรายละเอียด http://www.tnews.co.th/

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2560 ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากกรณีที่โรงพยาบาลหลายแห่งของรัฐบาล ติดหนี้ตัวแดง ขาดทุน ขาดสภาพคล่องหนัก ทางพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ จึงได้เรียก นพ.ปิยะสกล พร้อมด้วยผู้แทนสำนักงบประมาณ มาพบเพื่อปรึกษาหารือ

 

แฉหมดเปลือก!!! สาเหตุที่ทำ "โรงพยาบาลรัฐ" ถังแตก-เจ๊งไม่เป็นท่า ทั่วประเทศ เพราะโครงการผลไม้พิษ รักษาทุกโรค?!!

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องโรงพยาบาลขาดสภาพคล่องทางการเงิน เป็นปัญหาตั้งแต่มีที่มีโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งได้มีการประคัประคองกันเรื่อยมา แต่เมื่อมาถึงจุดที่สังคมไทย เริ่มก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุ จนมีคนป่วยมากขึ้น เทคโนโลยีทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้น จึงทำค่าใช้จ่ายรายหัวเพิ่มมากขึ้น ความคล่องตัวด้านรายจ่ายลดลง แม้ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข จะสนับสนุนงบประมาณโดยตลอด

ทั้งนี้ เมื่อรัฐบาลทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ก็จะมีการอนุมัติงบกลางปี 2560 จำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลให้เกิดสภาพคล่องทางารเงิน และในอนาคตจะมีการปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศ ที่มีความชัดเจนในหลายจุด โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ทุ่มเททรัพยากร เพื่อประโยชน์สูงสุดของปราชน โดยไม่แสวงหากำไร และหากทุกฝ่ายช่วยกัน ระบบประกันสุขภาพก็จะอยู่ได้

 

แฉหมดเปลือก!!! สาเหตุที่ทำ "โรงพยาบาลรัฐ" ถังแตก-เจ๊งไม่เป็นท่า ทั่วประเทศ เพราะโครงการผลไม้พิษ รักษาทุกโรค?!!

 

หากย้อนกลับไปเมื่อ ปี พ.ศ.2544 รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลือกใช้แนวทางการจัดหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อให้สวัสดิการและหลักประกันสุขภาพที่มีอยู่ครอบคลุมประชากรทั้งหมดของประเทศผ่าน “นโยบายโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค” ซึ่งสามารถดําเนินการได้ทั่วประเทศในปีพ.ศ.2545 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อให้ประชาชนไทยทุกคนได้รับบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถานบริการของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

จุดเน้นเป้าหมายคือ "รากหญ้า" โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ด้านการรักษาสุขภาพ ถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องดูแลประชาชนชาวไทย เมื่อนายแพทย์สงวนนำโครงการนี้ไปเสนอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ในสมัยที่ 1)ในขณะนั้น และได้รับการตอบรับ จนกลายมาเป็นนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยในเวลานั้น จนกลายเป็นนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค ในเวลาต่อมาเรียกขานกันในนาม "บัตรทอง" เพราะไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว บัตรทองเริ่มต้นตั้งที่งบประมาณจากรัฐจ่ายค่าเบี้ยประกันสังคมให้กับ ประชาชน หัวละ 1,250 บาท (จนถึงปัจจุบันดูแลครอบคลุมประชาชนในสิทธิบัตรทองกว่า 47 ล้านคน) โดยค่าบริการต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็น 2,895 บาทแล้ว

 

แฉหมดเปลือก!!! สาเหตุที่ทำ "โรงพยาบาลรัฐ" ถังแตก-เจ๊งไม่เป็นท่า ทั่วประเทศ เพราะโครงการผลไม้พิษ รักษาทุกโรค?!!

 

โดยไปขึ้นทะเบียนต่อกับโรงพยาบาล ในเขตที่ตนอาศัยอยู่แล้ว เมื่อเจ็บป่วยก็เข้ารักษาตามที่ลงทะเบียนไว้ ถ้าไม่เจ็บป่วยก็ไม่ต้อง โรงพยาบาลก็ได้เงินส่วนนี้ไปเฉลี่ยรักษาคนที่ป่วยลักษณะคล้ายกับการประกันสุขภาพ โดย สปสช.ให้ความรู้เกี่ยวกับ หลักประกันสุขภาพ เอาไว้ว่า คนไทยทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 โดยมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำหน้าที่จัดบริการสาธารณสุขให้แก่บุคคลที่ไม่มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลจากกฎหมายประกันสังคมหรือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ภายใต้การควบคุมดูแลของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งมีชื่อ เรียกอย่างเป็นทางการว่า "สิทธิหลักประกันสุขภาพ" หรือที่เคยรู้จักกันในนาม สิทธิ 30 บาทหรือสิทธิบัตรทอง เพื่อเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานอย่างทั่วถึง ตั้งแต่ การสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพ และการดำรงชีวิต