- 08 เม.ย. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีเกิดกระแสดราม่าสนั่นโลกออนไลน์ขึ้น เมื่อรัฐบาลออกกฎในการเล่นสงกรานต์ รวมทั้งกฎในการใช้รถใช้ถนน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แต่ต่อมาทำให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาในประเด็นเกี่ยวเนื่อง กรณีห้ามนั่งหลังกระบะ และภายในแคปผู้โดยสาร ทำให้หลายคนออกมาพูดเรื่องนี้กันอย่างมากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือ นายวรกร พงศ์ธนากุล ประกอบอาชีพทนายความ ที่ตัดสินใจอัดคลิปเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ตัดสินใจยกเลิกมาตรการบังคับทางกฎหมาย ที่กำหนดห้ามรถกระบะให้ผู้โดยสารนั่งด้านหลัง และรวมถึงบริเวณแคปภายในรถกระบะ โดยยืนยันจะจัดการชุมนุมคัดค้านกฎหมายดังกล่าวในวันที่ 10 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นวันเดียวกับในปี 2553 เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง มาเป็นกำหนดวันจัดกิจกรรมครั้งนี้อีกด้วย ???
อย่างไรก็ตาม น่าสนใจว่าการออกมาระบุในทำนองว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นต้นเหตุการออกกฎหมายอัปยศ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนของ ทนายวรกร ก็มีข้อสังเกตและรายละเอียดที่ขัดแย้งกับคำชี้แจง พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. รับผิดชอบด้านงานจราจร ที่อธิบายการการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะดังกล่าวเป็นไปตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งกำหนด การติดตั้งเข็มชัดเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มรถยนต์ รถแท็กซี่ รถลีมูซีน รถกระบะ 4 ประตู ถ้าจดทะเบียนก่อน ม.ค.2531 ตัวรถจะไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเลย แต่ถ้าจดทะเบียน 1 ม.ค.2531-1 ธ.ค.2553 ต้องติดเข็มขัดนิรภัยที่นั่งคนขับ และที่นั่งตอนหน้า ถ้าตั้งแต่ 1 ม.ค.2554 จะต้องมีเข็มขัดทุกที่นั่ง ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด
กลุ่มที่ 2 คือรถตู้ส่วนบุคคล จดทะเบียนเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ก่อน 1 ม.ค.2537 ตัวรถจะไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเลย แต่ตั้งแต่ 1 เม.ย.2555 จะต้องมีเข็มขัดทุกที่นั่ง ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด กลุ่มที่ 3 คือรถปิคอัพ รถสองแถว ที่มีด้านหลังเป็นที่นั่งและที่บรรทุก กฎหมายบอกว่าให้บรรทุกสิ่งของและสัตว์ ห้ามไม่ให้มีคนนั่ง อันนี้ก็บังคับให้รัดเข็มขัดที่เบาะนั่งคู่หน้า ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด และกลุ่มที่ 4 คือรถสี่ล้อเล็ก หรือรถกะป๊อ ตั้งแต่ 1 เม.ย. 2555 ได้บังคับให้มีที่รัดเข็มขัด 2 คนหน้า ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า นายวรกร พงศ์ธนากุล ถือเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง และมีตำแหน่งเป็นประธานสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย ส่วนประวัติการว่าความคดีสำคัญที่สามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลข่าวในอดีต อาทิเช่น การช่วยเหลือทางกฎหมายให้กับนักเรียนชั้น ป.1 ซึ่งถูกครูลงโทษโดยการตีด้วยไม้พลองถึง 99 ครั้ง
และเคยเป็นคู่ปรับกับทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในคดีเกี่ยวเนื่องกับ นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ หญิงไก่ ผู้ต้องหาในความผิดตามป.อาญา มาตรา 112 ฐานอ้างเบื้องสูงและคดีค้ามนุษย์ โดยระบุว่าทนายสงกานต์พาดพิงลูกความให้เกิดความเสียหาย ถึงขั้นเข้าร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการมรรยาท สภาทนายความ เพื่อเอาผิดทางจริยธรรมและขอให้เพิกถอนใบอนุญาตทนายความของนายสงกานต์ รวมถึงเคยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ดำเนินคดี กับนายสงกานต์ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากับลูกความที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดท่าซุงทักษิณาราม อ.บางไทร ในประเด็นใกล้เคียงกัน
ไม่เท่านั้น นายวรกร ยังเคยปรากฏชื่อเป็นหนึ่งทีมทนายให้กับนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแดงนปช. ในดคีที่นายศิริโชค โสภา อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และล่าสุดยังเป็นทนายความของนายไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดชาวลาว ซึ่งถูกจับกุมตัวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญคือ แม้ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จะมีคำสั่งให้ชะลอการบังคับใช้มาตรา 44 เพื่อควบคุมการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการใช้รถกระบะบรรทุกผู้โดยสารในลักษณะผิดประเภทการใช้งาน แต่นายวรกรก็ยังประกาศจะเดินหน้าเคลื่อนไหวต่อไป โดยการโพสต์ในเฟซบุ๊ก มีข้อความว่า...ท่านนายก ตู่ พวกผมอยากให้ท่าน ยอมรับความจริงเถอะครับว่าท่านออกกฎหมายที่ผิดพลาด อัปยศ ที่ห้ามให้คนนั่งหลังรถกระบะ และในแคป ท่านก็รู้ว่าวันนี้มีคนออกมาด่าท่านทั้งประเทศแล้ว รีบถอนยกเลิก พรบ. อัปยศ นี้เสีย แล้วสั่งปลดคนที่เป็นต้นคิดที่ออก พรบ อัปยศนี้ ประชาชนยังพอจะให้อภัยท่านได้นะ อย่าให้ต้องรอให้ถึงวันที่ 10 เมษาฯ เลยครับ ถ้าวันนั้นประชาชนทั้งประเทศเขาออกมามากๆทั้งประเทศท่านอาจจะถูกประชาชนไล่เอานะครับ ท่านต้องรีบคืนความสุขให้ประชาชน ก่อนที่จะถูกประชาชนเขาขับไล่ท่าน ครับ
วันที่ 10 เมษานี้พวกเรายังมีนัดกันเหมือนเดิมครับ เวลา10.00น ที่ทำเนียบรัฐบาล ไปยื่นหนังสือขอให้นายก ตู่ ถอน พรบ อัปยศ ให้ได้ถ้าไม่ถอนเราไม่กลับบ้านเราจะสู้จนกว่าท่านจะถอน พี่น้องถ้าต้องการปลดแอก พรบ อัปยศ ให้มันหยุดมาหลอกหลอนเราอีก ประชาชนต้องออกกันมาให้มากๆนะครับ ไม่มีอะไรจะชนะพลังประชาชนได้ครับ ถ้าไม่ออกมาเราแพ้ท่านก็แพ้ครับ
ขอบคุณที่มา : ทนายวรกร พงศ์ธนากุล