- 06 พ.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวช่วงหนึ่งของการปาฐกถาเรื่อง บทบาทมหาวิทยาลัยไทยต่อ Thailand 4.0 กรณีที่นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้รับเลือกเป็นประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและประกาศจะเปลี่ยนแปลงวิธีการถวายการเคารพพระบรมรูปทรงม้า บริเวณลานพระราชวังดุสิต เนื่องในวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม โดยขอฝากถึงประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลว่า “ผมหวังที่นี่คงไม่มีปัญหา ไม่ไหวพวกความคิดสุดโต่ง ผมไม่อยากรบกับเด็ก ผมนึกเสียดายและเป็นห่วง เพราะเสียชื่อสถาบัน เมื่อผมไปต่างประเทศ ถ้าเขาบอกว่าไม่อยากอยู่ประเทศของเขา เขาจะให้ไปอยู่ที่อื่น ดังนั้นจึงต้องเคารพกฎหมาย ขอให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธี เสน่ห์ของเราต้องช่วยกันรักษา อย่าไปข้างหน้าแล้วทิ้งข้างหลัง สถานที่เที่ยวในประเทศไทยสร้างในสมัยก่อนทั้งนั้น ประวัติศาสตร์ที่ดีเป็นความภาคภูมิใจ ขอให้เก็บเอาไว้ อันไหนไม่ดีก็ขอให้อย่าทำอีก ”
ทั้งนี้ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงลืมว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี เหตุใดจึงไปวุ่นวายก้าวก่ายกับการเลือกตั้งประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของนิสิต เพื่อเลือกตัวแทนภายในสถาบันการศึกษาของพวกเขา และไม่ใช่เรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะต้องเข้าไปแทรกแซง ที่สำคัญการที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดจาชี้นำให้เลือกประธานสภาฯคนใหม่ แทนน้องเนติวิทย์นั้น ก็เป็นการแสดงตัวอย่างที่ไม่ดี เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมล้มการเลือกตั้งและค่านิยมการไม่เคารพกติกาให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ ๆ
“ถือเป็นความคิดที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย น้องเนติวิทย์ มีเส้นทางเข้าสู่ตำแหน่งที่สง่างามกว่า พล.อ.ประยุทธ์ มากนักเพราะอย่างน้อย น้องเนติวิทย์ ก็มีความกล้าหาญที่จะพิสูจน์ตัวเองในสนามเลือกตั้งตามกติกาและได้รับการยอมรับจากเสียงส่วนใหญ่ในประชาคมนิสิตจุฬาฯ แม้ว่าตำแหน่งจะไม่ใหญ่โตเท่านายกรัฐมนตรี แต่ก็พูดได้อย่างเต็มปากว่า มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้ยึดอำนาจใครมา หากมองจากแง่มุมของความเป็นประชาธิปไตย ต้องถือว่าน้องเนติวิทย์ มีศักดิ์ศรีเหนือชั้นกว่า พล.อ.ประยุทธ์มากนัก”
นอกจากนี้ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้คำพูดต่างๆของพล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานสภานิสิตจุฬาฯ ยังสะท้อนให้เห็นนิสัยลึกๆ ของพล.อ.ประยุทธ์ที่ไม่นิยมระบอบประชาธิปไตย แต่คงจะนิยมเผด็จการ จึงชอบพูดจาชี้นำให้ประชาชนเลือกผู้แทนแบบโน้นแบบนี้ โดยใช้ค่านิยมของตัวเองตัดสิน ทั้งๆ ที่ ควรปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ โดยที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องมาคิดแทน แต่ทุกวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับพยายามผูกขาดความคิดของประชาชนในทุกระดับชั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงและอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากผู้มีอำนาจประสบความสำเร็จในการผลักดัน ร่างพ.ร.บ. การคุ้มครองเสรีภาพสื่อฯ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว คือ กฎหมายควบคุมการเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนและประชาชน ซึ่งจะทำให้รัฐมีช่องทางและมีเครื่องมือในการครอบงำความคิดของประชาชนคนไทยได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้