โดนเข้าแล้ว!! มติปปง.อายัดที่ดิน 8 แปลงของลูกสาว "อนันต์ อัศวโภคิน" ใช้สร้างอาคารบุญรักษา (ธรรมกาย) โยงคดีสหกรณ์คลองจั่น!?!

ติดตามรายละเอียด http://www.tnews.co.th/

จากกรณีสืบเนื่องจากการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ออกหมายเรียก น.ส.อลิสา อัศวโภคิน บุตรสาวของนายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังริมทรัพย์ชื่อดัง เข้ารายงานตัวกรณีมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารบุญรักษา ภายในวัดพระธรรมกาย  เนื่องตามข้อมูลถูกระบุว่าซื้อต่อมาจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ช่วงปี 2556 โดยเป็นที่ดินจำนวน 8 แปลง รวมเนื้อที่ 57 ไร่ ราคา 298 ล้านบาท  รวมถึงยังเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินนายศุภชัยใช้เงินจากการยักยอก ฉ้อโกงสหกรณ์คลองจั่น   ก่อนจะเปลี่ยนการถือครองมาเป็นน.ส.อลิสา และในปี 2558 ได้มีการก่อสร้างอาคาร “บุญรักษา” เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลของวัดพระธรรมกาย

โดนเข้าแล้ว!! มติปปง.อายัดที่ดิน 8 แปลงของลูกสาว "อนันต์ อัศวโภคิน" ใช้สร้างอาคารบุญรักษา (ธรรมกาย) โยงคดีสหกรณ์คลองจั่น!?!

น.ส.อลิสรา อัศวโภคิน

 

 

ล่าสุด มีรายงานข่าวในวันนี้ (9 พ.ค.) ว่า คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติให้อายัดที่ดินจำนวนทั้ง 8 แปลง ดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ของน.ส.อลิสา อัศวโภคิน ที่ครอบครองแทนนายอนันต์ อัศวโภคิน  ผู้เป็นบิดาและเป็นศิษย์เอกของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แล้ว

โดนเข้าแล้ว!! มติปปง.อายัดที่ดิน 8 แปลงของลูกสาว "อนันต์ อัศวโภคิน" ใช้สร้างอาคารบุญรักษา (ธรรมกาย) โยงคดีสหกรณ์คลองจั่น!?!

 

 

เนื่องจากเชื่อว่าที่ดินจำนวน 8 แปลงดังกล่าว เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานของนายศุภชัย กับพวก โดยเฉพาะหลักฐานที่มีการเชื่อมโยงได้ว่า ที่ดินแปลงนี้ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอน ด้วยประการใดๆ ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐานตามมาตรา 3(3)(18) มาตรา 5 และ มาตรา 9 แห่งพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายศุภชัยเองรู้ตัวก่อนหน้าว่าจะถูกดำเนินคดี จึงรีบโอนขายที่ดินทั้ง 8 แปลงดังกล่าวให้น.ส.อลิสา

 

 

โดนเข้าแล้ว!! มติปปง.อายัดที่ดิน 8 แปลงของลูกสาว "อนันต์ อัศวโภคิน" ใช้สร้างอาคารบุญรักษา (ธรรมกาย) โยงคดีสหกรณ์คลองจั่น!?!

 

 

ขณะที่ก่อนหน้านั้น น.ส.อลิสา เคยให้ข้อมูลกับดีเอสไอว่าที่ดินแปลงดังกล่าวซื้อมาจากนายศุภชัยจริงแต่เป็นการซื้อขายโดยบริสุทธิ์ใจ มีการชำระค่าที่ดินเป็นเช็คจากบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าท์ ส่วนจุดประสงค์ในการซื้อ เพื่อสร้างโรงพยาบาลสงฆ์ แต่ระหว่างการก่อสร้างยังคงถือครองในชื่อบุคคล เพราะต้องการส่งมอบที่ดินพร้อมอาคารโรงพยาบาลให้วัดเมื่อสร้างเสร็จแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวในขณะนั้นว่า พฤติการณ์ของน.ส.อลิสา อาจเข้าข่ายคดีอาญา ฐานสมคบกันเพื่อฟอกเงินและรับของโจรรวมกับนายศุภชัย ตามคดีพิเศษที่ 27/2559