สายด่วนถึงชาวมอไซค์!!"บชน."ย้ำสุดท้ายดีเดย์ 15 พ.ค.จับ-ปรับจยย.ทั่วกรุงฯฝ่าฝืนกม. "บิ๊กแป๊ะ" กำชับแจ้งข้อหาต้องผิดชัดห้ามตร.เดินวนหาเรื่อง??

เป็นประเด็นที่ยังคงหาหนทางแก้ไขอย่างต่อเนื่องสำหรับจราจรการขับขี่บนท้องถนน เมื่อวันนี้ (12 พ.ค.) พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีหนังสือแจ้งตามที่คณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานเข้มงวดกวดขันในการบังคับใช้กฎหมายจราจร เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดลดอุบัติเหตุและความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความผิดที่ส่งผลกระทบให้การจราจรติดขัด และมีความไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร ขับรถย้อนศร ขับขี่บนทางเท้า

 

 

โดยแนวทางในการปฏิบัติ ได้กำชับให้รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (รองผบก.น.1-9) ที่รับผิดชอบงานด้านการจราจร กำหนดแผนการดำเนินการแต่ละเส้นทาง ทั้งในชั่วโมงเร่งด่วนและนอกชั่วโมงเร่งด่วน ดังนั้น เพื่อเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งตนจึงได้มีนโยบาย ให้ทั้ง 88 สน. จับกุมและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น รถจักรยานยนต์ย้อนศร ขับขี่บนทางเท้า ไม่สวมหมวกนิรภัย โดยจะเริ่มจับกุมผู้กระทำความผิดตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เพื่อเป็นการลดปัญหาด้านการจราจรและอุบัติเหตุ อีกทั้งเป็นการสร้างวัฒนธรรมในการขับขี่ที่ดีอีกด้วย

 

 

ทั้งนี้ จากสถิติที่ผ่านมาพบว่ารถจักรยานยนต์เป็นรถที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด โดยเฉพาะกรณีย้อนศรเป็นสาเหตุสำคัญที่ให้เกิดการสูญเสีย ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุกับรถจักรยานยนต์ มีอัตราผู้บาดเจ็บประมาณ ร้อยละ 80 และอัตราผู้เสียชีวิตร้อยละ 60 นอกจากนี้ยังพบว่า กรณีเกิดอุบัติเหตุแล้ว เป็นรถจักรยานยนต์ที่ไม่มีประกันภัยภาคบังคับ มากถึงร้อยละ 40 รวมทั้งผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้อง โดยปัจุบันสามารถทำใบอนุญาตขับขี่ได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีเป็นต้นไป ดังนั้นเพื่อลดปัญหาต่างๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะควบคุมให้ผู้ขับขี่จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่และต่อพ.ร.บ.ภาคบังคับด้วย ซึ่ง 2 ข้อหานี้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบจะต้องทำการยึดรถไว้เป็นการชั่วคราว

 

 

 

 

ดังนั้น การที่จะนำรถออกมาใช้บนท้องถนน ประชาชนเองก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายให้ถูกต้องเพื่อลดปัญหา ในส่วนการจับปรับผู้กระทำความผิดจะเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเป็นหลักเพื่อลดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชน รวมทั้งการตั้งด่านกวดขันต่อไปนี้จะไม่ลักษณะที่ตำรวจจราจรเดินวนรอบรถแต่จะเน้นการตั้งด่านตรวจในจุดที่มีการฝ่าฝืนและมีปัญหาการจราจรเป็นประจำเห็นการกระทำผิดชัดเจนเท่านั้น

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับอัตราโทษปรับของรถจักรยายนต์ในข้อหาต่างๆ มีดังนี้ ขับรถย้อนศรมีโทษปรับ 500 บาท, ขับรถบนทางเท้ามีโทษปรับ 400-1,000 บาท และขับขี่รถจักรยายนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยมีโทษปรับ 500 บาท.