อ่านให้ขาดเกมส์นี้!! อะไร..ทำไม?? ขุนศึกการข่าวอย่าง “พล.ท.นันทเดช” ถึงมองต่างรัฐบาลได้ประโยชน์โดน “สายขวาง” โผล่เหน็บ 3 ปีสอบตก??

ติดตามรายละเอียด http://www.tnews.co.th/

ถือเป็นกระแสทางการเมืองที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในระยะหลัง สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลคสช.บริหารประเทศมาครบ  3 ปี  ทำให้นักการเมืองทั้งพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ (บางคน)  ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงตำหนิติเตียน  เลยเถิดไปถึงขั้นเยาะเย้ยถากถางการทำงานที่ไม่เป็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน แฝงเร้นไปด้วยแนวทางการทำงานในรูปแบบเดิมๆ  คือเร่งเร้าให้มีการจัดเลือกตั้งโดยเร็ว

อ่านให้ขาดเกมส์นี้!! อะไร..ทำไม?? ขุนศึกการข่าวอย่าง “พล.ท.นันทเดช” ถึงมองต่างรัฐบาลได้ประโยชน์โดน “สายขวาง” โผล่เหน็บ 3 ปีสอบตก??

 

 

ด้วยประเด็นนี้ทำให้  พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ต้องออกมาตอบโต้นักการเมือง   ที่วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาสอบไม่ผ่าน  ว่า   เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของนักการเมือง แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศทราบดี  และขอเชิญชวนประชาชนติดตามการแถลงผลงาน 3 ปี ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง เพราะที่ผ่านมาอาจมีการบิดเบือนข้อมูลโดย ผู้ไม่หวังดี โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย

อ่านให้ขาดเกมส์นี้!! อะไร..ทำไม?? ขุนศึกการข่าวอย่าง “พล.ท.นันทเดช” ถึงมองต่างรัฐบาลได้ประโยชน์โดน “สายขวาง” โผล่เหน็บ 3 ปีสอบตก??

 

 

สอดรับกับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)   ซึ่งกล่าวถึงผลการบริหารงาน ครบ 3 ปี คสช. และรัฐบาล ว่า  เป็นธรรมเนียมที่ต้องชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้  โดยพยายามให้มีการเสนอผลงาน ความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้ บนข้อเท็จจริงและสิ่งที่ประชาชนพึงพอใจและอยากฝากให้ทุกคนช่วยกันฟังอย่างรอบด้าน

 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นส่วนตัวต่อกรณีดังกล่าว ในหัวข้อ “ใครจะได้แอปเปิ้ล ใครจะได้ไข่เน่า”    มีเนื้อหาใจความสำคัญดังนี้

 

 

อ่านให้ขาดเกมส์นี้!! อะไร..ทำไม?? ขุนศึกการข่าวอย่าง “พล.ท.นันทเดช” ถึงมองต่างรัฐบาลได้ประโยชน์โดน “สายขวาง” โผล่เหน็บ 3 ปีสอบตก??

 

 

“ กรณีที่มีผู้ออกมาวิจารณ์  ผลงานในรอบ 3 ปีของ รัฐบาล/คสช.  อย่างมากมายทั้งในฝั่งการเมือง และ นักวิชาการนั้น ผมว่าน่าจะส่งผลดี ต่อรัฐบาลมากกว่าผลเสีย เพราะ

(1) คำวิจารณ์เหล่านั้น จะทำให้รัฐบาล สามารถหยิบมาชี้แจงได้ตรงจุด  ซึ่งถ้าผมเป็นรัฐบาล สบายมาก รัฐบาลก็จะได้คะแนนนิยมกลับมามากเลย   เว้นแต่ทำไม่เป็นไปโต้เถียงด้วยความโกรธเท่านั้น

(2)  รัฐบาล ซึ่งมืออ่อนด้าน ปชส.อยู่แล้ว ก็จะเอาคำวิจารณ์มาใช้เป็นโอกาสในการ 
ปชส.ให้ตัวเองได้สบายๆ ทั้งในแง่เปรียบเทียบผลงาน ทั้งในแง่ความจริงใจ แง่การโกง 
ก็น้อยกว่ามาก สารพัดเรื่อง

(3) ส่วนเรื่องที่เห็นว่าคำวิจารณ์นั้นดี รัฐบาล ก็ควรนำมาปฏิบัติ หรือทบทวนการทำงานใหม่ 
เพราะคนทำงานไม่มีรอดที่จะผิดพลาดต้องมีบ้าง
 
ในที่สุดแล้ว การวิจารณ์ต่อรัฐบาล จะส่งผลดีมากมาย เพราะ รัฐบาล ทำงานสารพัดเรื่อง 
แต่ดันเก็บเงียบไว้ ประชาชนจะได้รู้เสียที ว่าใครดีแต่ทำ หรือดีแต่พูด 

อย่าไปโกรธคนวิจารณ์  แค่ดูชื่อก็รู้แล้วว่าใครมาดี หรือมาร้าย ประชาชนจะตัดสินเอง 
ในกรณีนี้ ไอ้พวกกลุ่มต่างๆ ที่ตั้งกันขึ้นมาเอง กลุ่มหนึ่งมี 4-5 คน  หรือมากที่สุดมี 27 คน
อย่าเสือกมาอ้างประชากรส่วนร่วม ออกมาโจมตีรัฐบาล เลยครับ 

(พวกนี้กำลังประชุมกันออกมาซ้ำเติมรัฐบาลอยู่ )  ให้ประชาชนส่วนใหญ่มากกว่า 60 ล้านคนเขาออกมาตัดสินเถอะครับ ??”

 

 

 

 

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์