"3ปี คสช." ไม่สูญเปล่า..เพราะเดินหน้าจับ"ทุจริตจำนำข้าว นับแสนล้าน" !!??เจ้าของโปรเจคถูกอายัดทรัพย์!!??

วันนี้ เป็นวันที่22 พฤษภาคม 2560 หากย้อนไปเมื่อ3ปีที่แล้ว วันนี้เป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอช าผบ.ทบ/ผอ.กอ.รส. ยศในขณะนั้น พร้อมด้วย4เหล่าทัพ ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้น  ภายหลังจากการเชิญทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวของทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ,พรรคการเมือง ,แกนนำนปช ,กนนำกปปส.  พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถามรัฐบาลว่ายืนยันจะไม่ออกใช่หรือไม่ ซึ่งชัยเกษมยืนยันอีกครั้งว่า “ไม่ลาออก” พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบกลับไปว่า ถ้าอย่างนั้น กกต.ก็ไม่ต้องพูดเรื่องเลือกตั้ง ส.ว.ไม่ต้องพูดเรื่องมาตรา 7 และลุกขึ้นยืนพร้อมพูดเสียงอันดังว่า “ขอโทษด้วยนะ ผมต้องยึดอำนาจ” ...ตอนนั้นเป็นเวลา 16.32 น. หลายคนยิ้ม..นึกว่า ผบ.ทบ.พูดเล่น

 

 

แต่เมื่อจบประโยค "พวกคุณอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน” และมีทหารพร้อมอาวุธครบมือเดินเข้ามาในห้องประชุมเพื่อควบคุมตัวทุกคนไว้ นั่นแหละทุกคนจริงรู้ว่า"เรื่องจริง" 

ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊คส่วนตัว แสดงความคิดเห็น ทำนองที่ว่า "อย่าให้ 3 ปี ของการยึดอำนาจต้องสูญเปล่า" โดยบางช่วงบางตอน ระบุว่า

"...แต่วันนี้พวกเรายังไม่เห็นการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม ถ้าไม่มีการปฏิรูปก็สูญเปล่าเพราะความเสียหายทางเศรษฐกิจมีมากจากการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น "อย่าให้ เป็น 3 ปี ที่ต้องสูญเปล่าเลยค่ะ"

ดิฉันขอทวงสัญญา"

 

 

ทว่า 3ปีแห่งการยึดอำนาจของคสช. ไม่สูญเปล่าแน่นอน ???
ก็เพราะว่าได้ดำเนินการปราบปรามเอาผิดอย่างเอาจริงเอาจังกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงการรับจำนำข้าว

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2560 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอให้ทุเลาการบังคับใช้ตามคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ที่สั่งให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่นายบุญทรงกับพวก  ขอทุเลาการบังคับใช้ตามคำสั่งของกระทรวงพาณิชย์ที่ให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี  

           โดยในส่วนของนายบุญทรง เป็นเงินจำนวน 1,768.97 ล้านบาท , นายภูมิ จำนวน 2,242.57 ล้านบาท,นายมนัส , นายอัฐฐิติพงศ์ , นายทิฆัมพร เป็นเงินคนละ 4,011.54ล้านบาท ทำให้เข้าสู่กระบวนการบังคับคดีซึ่งตามคำสั่งของหัวหน้า คสช.ที่ 56/2559 ให้กรมบังคับคดีเป็นผู้ดำเนินการนั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการยึดทรัพย์สินนายบุญทรงกับพวก ทั้งนี้ การทำงานของกรมบังคับคดีไม่มีกรอบเวลา

ส่วนกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกเรียกรับผิดความเสียหายทางละเมิด ฐานไม่ระงับยับยั้งในความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว และจงใจปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว วงเงินกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท

 สำหรับผู้นำสืบทรัพย์จะเป็นกระทรวงการคลัง และกรมบังคับคดีจะเป็นผู้ดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์ อย่างไรก็ตาม การยึดดังกล่าวไม่จำเป็นต้องรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือ รมว.ยุติธรรมให้ทราบ โดยก่อนหน้านี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ยื่นขอทุเลาการบังคับคดีไว้เหมือนกัน แต่ศาลยังไม่ได้มีคำสั่ง ดังนั้น ระหว่างนี้จึงสามารถดำเนินการยึดหรืออายัดได้ และหากกระบวนการยึดหรืออายัดทรัพย์ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ปรากฏว่าต่อมาศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทรัพย์สินที่ยึดไปแล้วไม่จำเป็นต้องคืน เพียงแต่ยึดเพิ่มเติมไม่ได้

 ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. กำกับติดตามเร่งรัดสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีทุจริตการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้า จะส่งสำนวน 987 คดี เพื่อฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากฝ่ายปฏิบัติได้ภายใน เดือนมิถุนายน นี้ ซึ่งเป็นไปตามกรอบการทำงาน 6 เดือน  เพื่อเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน เช่น โรงสี ซึ่งต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 115,000 ล้านบาท
 

ล่าสุด คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สรุปลุยจัดการทรัพย์สิน “เสี่ยเปี๋ยง” นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร โดย ปปง. ดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของกลุ่มเอกชน คดีทุจริตจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ รวม 12,929.3 ล้านบาท อายัดทรัพย์แล้ว 212 รายการ 876.5 ล้านบาท