สนธิญาณ เตือน!!!"วัน อยู่บำรุง"ต้องดู "รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง"ผู้เป็นพ่อเป็นตัวอย่าง ต้องรู้จักหลบเป็นปีกรู้จักหลีกเป็นหาง หลังรัฐประหารหายเข้า

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) บรรณาธิการอำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

สนธิญาณ เตือน!!!"วัน อยู่บำรุง"ต้องดู "รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง"ผู้เป็นพ่อเป็นตัวอย่าง ต้องรู้จักหลบเป็นปีกรู้จักหลีกเป็นหาง หลังรัฐประหารหายเข้ากลีบเมฆ!!!!

                สนธิญาณ : ก็ต้องถือว่าเป็นปรากฎการณ์หนึ่งทางการเมืองที่เกิดขึ้นนะครับสำหรับคุณวัน อยู่บำรุง ย้ำว่าในวัย 43 ปี ในห้วงเวลานี้นะครับ เป็นห้วงเวลาที่น่าสนใจ เพราะตอนที่ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง อายุเท่านี้นะครับ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วนะ ไม่ธรรมดา สำหรับผู้ที่เป็นบิดา ก่อนที่เราจะรู้จักคุณวัน อยู่บำรุง เราจะต้องรู้จักร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง เสียก่อน ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ในแง่บุคคลที่ฝ่าฟันพาตัวเองให้ก้าวขึ้นมายืนแถวหน้าในการเมืองของประเทศไทยนั้นต้องถือว่าชีวิตไม่ธรรมดา เริ่มต้นจากการเป็นนายทหารชั้นประทวน ย้ำนะครับ นายทหารชั้นประทวน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เป็นเรื่องของโอกาสของคนในตอนที่เริ่มจะฝ่าฟันนำพาชีวิต จากทหารชั้นประทวนย้ายมาเป็นตำรวจ แล้วก็ทำการศึกษาควบคู่ไป จนได้เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัติอยู่ในกองปราบปราม ซึ่งในขณะนั้นต้องถือว่า และแม้แต่ในขณะนี้ก็เหมือนกันล่ะครับ เป็นหน่วยตำรวจที่ทรงอำนาจอย่างยิ่ง นี่โดยเฉพาะกองที่สามารถไปจับกุมได้ทั้งประเทศ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงเป็นคนเก่ง คนฉลาด ดังนั้นเมื่อรับราชการก็สามารถผลักดันพาตัวเองมาอยู่แนวหน้า แต่อย่างว่าแหละครับ ปลาใหญ่จะอยู่ที่น้ำตื้นก็ไม่ได้ เป็นตำรวจรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ เพราะคิดว่าตัวเองเก่งกว่าที่ที่จะอยู่ โดดออกมาเล่นการเมือง ต้องรู้อีกนะครับว่าร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงมาเล่นพรรคการเมืองพรรคอะไรเริ่มต้น พรรคประชาธิปัตย์ครับ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงอยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็อย่างว่าแหละครับ บอกว่าปลาใหญ่อยู่ที่ไหนน้ำมันก็ตื้น มุมมองคุณทักษิณมุ่งไปข้างหน้า ก็นำพาตัวเองออกมา ต้องตั้งพรรคเอง ท้ายที่สุดตั้งพรรคเอง พรรคมวลชน เคยออกมาจวกทักษิณ ชินวัตรอย่างสาดเสียเทเสีย แต่ในที่สุดด้วยยุทธศาสตร์ของทักษิณ คนไหนเป็นศัตรู ดึงมาเป็นพวกได้ก็ต้องดึงมา ปากกล้า ก๋ากั่นหรือเปล่าไม่รู้ก็ต้องมาดู ว่าตอนที่อายุ 43 เท่าคุณวันเนี่ยนะครับ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เคยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคุมช่อง 9 อสมท.นะครับ เปิดปฏิบัติการสอดแนมทหาร ท้ายที่สุดพลเอกสุจินดา คราประยูรจึงนำกองทัพยึดอำนาจรัฐบาลพลเอกชาติชาย ถ้ากลับไปดูคำให้สัมภาษณ์ของร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ต้องใช้คำว่าหนีหัวซุกหัวซุน อันนี้ไม่ใช่คำหยามเหยียดนะ เป็นคำที่เขาให้สัมภาษณ์เองบุกป่าฝ่าเขาออกทะเล จนได้ลี้ภัยไปอยู่เดนมาร์ค ลูกทุกคน ณ วันนั้นเนี่ยนะครับก็ต้องกลับไปดู ยังเด็กๆอยู่ครับ เพราะเหตุการณ์นั้นเนี่ยผ่านมาถึงวันนี้นะครับจากปี 34 ก็ 20 กว่าปี 26 ปีนะครับ ถ้านับอายุวันเฉลิม ตอนนั้นชื่อวันเฉลิม ไม่ได้ชื่อวัน เฉยๆ เพิ่งมาเปลี่ยนเนี่ย 43 ปี อายุก็เพิ่ง 17 ปี นี่ก็กตัญญูพ่อแม่นะ ตามไปดูเป็นพ่อที่หนีไปยากลำบาก ซึ่งนี่คือสิ่งที่ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงได้เจอมาแล้วกับอิทธิฤทธิ์ของทหาร ทหารในยุคถัดๆมานะครับก็อาจจะใจดีซักหน่อย ไม่ดุเดือดเลือดพล่านเหมือนสมัยนั้น ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง เมื่อมาเดินเรื่องการเมืองต่อและเข้าไปอยู่พรรคเพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร เป็นคนที่พยายามที่จะหลีกเลี่ยงในการปะทะกับทหารมาโดยตลอดนะ ผมเรียนแบบนั้น เพราะจากประสบการณ์ที่ตัวเองเจอมาแล้วเนี่ยต้องถือว่ารู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง พลเอกประยุทธ์ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ร้อยตำรวจเอกเฉลิมก็มีตำนานเรื่องราวให้มาเล่าขาน ก็เคยสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมา กลับไปดูข่าวสารที่ผ่านมาบ้าง แต่สำหรับวัน อยู่บำรุง นะครับ การที่ออกมาโพสครั้งนี้ ผมเรียนนะครับสายข่าวยืนยันชัดเจนว่าเมื่อวานไม่ได้พบกับแม่ทัพกองทัพภาคที่ 1 นะ พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งก็ไม่น่าที่จะเข้ามาพบ เพราะไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง มีแต่จะลบ ไม่มีเป็นบวก เข้ามาเป็นหน้าสื่อ มาเคลียร์ ก็ใช่ที่ เมื่อกี้นี่คุณยุคลแจกแจงคดีนะครับ ที่เอ่ยมาเนี่ย 2-3 คดีว่าที่ว่าไม่ธรรมดาเนี่ย เมื่อกี้พูดไปแล้ว 3 คดี นะ ยกตัวอย่างให้ดูนะครับ 3 คดีนะครับหลังจากที่มีปัญหากับลูกรองอธิบดีกรมการปกครองในขณะนั้นแล้วเนี่ยนะครับก็ต้องมาดูนะครับว่าคดีต่อมานะครับก็ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาใช้ใบแจงทหารหรือ สด.43 ปลอม สมัครเข้ารับราชการตำรวจ นี่ก็เป็นประเด็นนะครับ คดีค้างคา สุดท้ายนะครับก็เป็นคดีทำร้ายร่างกายน.ส.สวิดา อึงศรีสวัสดิ์ นะครับ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ABAC นะครับ ในงานปาร์ตี้ ตอนนั้นจับที่รอยัลการ์เด้นที่บางละมุง ไม่จบนะครับ เรื่องตอนนี้เนี่ยใหญ่มากนะครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2542 ในเดือนกรกฎาคมเนี่ยนะครับ ยกทีมไปวิวาทกันที่เรดบาร์ ย่าน RCA นะครับ เขตห้วงขวาง กทม. นักข่าว ช่างภาพ ไทยรัฐไปกันเต็มนะครับ ร้อยตำรวจตรีวันเฉลิมกับพรรคพวกได้พากันยื้อแย่งเอากล้องและฟิล์ม ย้ำนะครับ ชื่อเดิมวันเฉลิม เพิ่งเปลี่ยนมาเป็นวันเฉยๆ ปรากฏว่า ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ผู้เป็นพ่อ ไปแสดงอิทธิฤทธิ์ อันนี้เป็นข่าวใหญ่โตนะครับ เป็นข่าวใหญ่โต ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงชี้หน้า ด่านักข่าว น่าจะอาการเมามาย ตอนนั้นนะครับ ต่อมาก็เรื่องทำร้ายนายเสริมชัย วัฒนเสนีย์ธรรม ลูกชายเจ้าของเรสซิเดนท์ เซอร์วิส เนี่ย คดีที่ก่อมาแบบนี้นะครับ แสดงให้เห็นว่าอะไรครับ แสดงให้เห็นว่าเด็กๆหรือลูกเนี่ยไม่ได้รักพ่อ ส่วนร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงนั้นต้องเรียกว่ารักลูกสุดหัวใจ แต่ความรักที่มีต่อลูกเนี่ยนะครับ มันจะเข้าข่ายเข้าเกณฑ์ที่บอกว่าพ่อแม่รังแกฉันหรือไม่นะครับ ก็เป็นเรื่องที่เราต้องมาวินิจฉัย นะครับ ตามใจ ส่งเสริม แก้ไขปัญหาให้ลูกนะครับ ลูกแต่ละคนก็พยายามผลักดันให้เข้ารับราชการไปเป็นทหาร เป็นตำรวจ ใช้ศักยภาพของตัวเองที่เป็นนักการเมืองผลักดันเข้าไป แต่ท้ายที่สุดเนี่ยนะครับก็เหมือนว่าแหละครับพ่อแม่รังแกฉันหรือไม่พิจารณา ถึงวันนี้เนี่ยนะครับ ถามว่าสิ่งที่วัน อยู่บำรุงออกมายอมรับว่ากล้าทำก็กล้ารับเนี่ยเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่คิดอยู่ในใจก่อนที่จะโพสเนี่ยนะครับ ซึ่งน่าจะมีอาการมึนเมา มันสะท้อนความรู้สึกข้างในหรือไม่นะครับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ถ้าจะเล่นการเมืองต่อไปไม่ฉลาด แต่ถ้าตั้งใจจะเป็นศัตรูกับกองทัพ ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับ คสช.  เพื่อจะเดินตามรอยของผู้คนในระบอบทักษิณ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ความจริงเนี่ยควรที่จะดูบทบาทของพ่อ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงเนี่ยนะครับ ก่อนหน้าที่ทหารจะยึดอำนาจเนี่ย เป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉินนะ แม้จะเป็นเพียงแค่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งนั่นหมายความว่าทักษิณ ชินวัตรไว้ใจมากให้ดำเนินการ ปฏิบัติการนะครับกับผู้ชุมนุม กปปส. ผมเองก็ถูกร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงนะครับ ออกมาพูดถึง แล้วเป็นผู้ที่กดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับผมให้ได้ ถึงขนาดยกย่องให้เป็นเบอร์ 2 ของ กปปส. ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เหลวไหลทั้งเพ อันนี้ไม่ได้แกล้งปฏิเสธน่ะ ผมไม่มีราคาค่างวดจะไปทำอะไรถึงขนาดนั้น แต่การออกมาพูดครั้งนี้เนี่ยนะครับ จริงๆเป็นการชื่นชมร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงในทางการเมืองเสียด้วยซ้ำไป เพราะนับตั้งแต่การยึดอำนาจ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงไม่เคยออกมาพาดพิงอะไรกองทัพเลย บทเรียนในชีวิตตัวเองมีนะ ไม่เหมือนนายวัฒนา นายจาตุรนต์ หรือนายภูมิธรรมหรืออีกหลายๆนาย ที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย ผมคิดว่าการเป็นนกรู้ของร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงเนี่ยนะครับ จนถึงวันนี้เนี่ยนะครับยิ่งรู้ชัด เพราะบ้านเมืองในขณะที่โร้ดแมพเดินไป นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ยืนยันที่จะเดินตามโร้ดแมพ แต่ความจริงเนี่ยนะครับ แรงครุกรุ่นในทางการเมืองเนี่ยมันอาจจะรุนแรงกว่าก่อนปี 2557 เสียด้วยซ้ำไป เพราะฝ่ายต่อสู้เนี่ยนะครับ ประกาศตัวชัดเจน ตั้งเป็นกองกำลังติดอาวุธ จะเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นสหพันธรัฐ ซึ่งผมเรียนย้ำว่ารุนแรงกว่าในสมัยคอมมิวนิสต์นะ คอมมิวนิสต์อยู่ป่าอยู่เขา เชื่อมโยงสื่อสารไม่ได้ ขนย้ายอาวุธแต่ละครั้ง แต่ละทีก็ลำบาก ทุกวันนะครับ ไลน์ เฟสบุ๊ค ส่งรหัสสัญญาณ ทำทุกอย่างในการที่จะเชื่อมโยงให้เกิดการปฏิบัติการ อาวุธขนกันได้ทำกันได้ ดังที่เราได้เห็นระเบิดอะไรต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นด้านหนึ่งเนี่ยนะครับ ผมก็เชื่อว่ากองทัพรู้ทันในสิ่งเหล่านี้และหากมีการปฏิบัติการทางการเมืองเกิดขึ้นอีกครั้งเนี่ยนะครับ การปฏิบัติการอย่างเฉียบขาดน่าจะเกิดขึ้น ภายใต้กรอบของกฎหมายเนี่ยแหละครับ แต่น่าจะเฉียบขาดขึ้น เพราะผู้ที่เตรียมการนั้นเตรียมการด้วยกองกำลังติดอาวุธนะครับ แต่บรรดาแนวร่วมทั้งหลายจะรู้เท่าทันหรือไม่เท่าทันก็ตามแต่ แต่สถานการณ์บ้านเมืองทั้งหลายมันเป็นแบบนี้จริงๆ นี่ดูจากบทเรียน กรณีของวัน อยู่บำรุง ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงเนี่ยนะครับ มองภาพรวมของการเมืองไทยได้