สนธิญาณ ชี้!!"สหรัฐฯ"เปลี่ยนนโยบายไทยควรจัดการเรื่องความปรองดองก่อนเลือกตั้ง ชัดว่าสนับสนุนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์แทนระบอบทักษิณ จับตากรกฎาคม ลุ

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 5 มิถุนายน 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) บรรณาธิการอำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

 

สนธิญาณ ชี้!!"สหรัฐฯ"เปลี่ยนนโยบายไทยควรจัดการเรื่องความปรองดองก่อนเลือกตั้ง ชัดว่าสนับสนุนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์แทนระบอบทักษิณ จับตากรกฎาคม ลุงตู่ พบ ทรัมป์!!!

                สนธิญาณ : มีข่าวลือเล็กๆสำหรับคนที่สนใจและติดตามการเมืองไทย แต่ความจริงเป็นข่าวที่ผมคิดว่าสำคัญต่ออนาคตและทิศทางความเป็นไปของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่งครับ นั่นก็คือข่าวที่กลิน เดวีส์ ชื่อนี้คุ้นไหม คุณยุคล ท่านผู้ฟัง ท่านผู้ชม

                ยุคล : เอกอักคราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยครับ

                สนธิญาณ : ใช่ครับ กลิน เดวีส์ได้ให้สัมภาษณ์ VOA VOA ก็คือของอเมริกา เป็นสื่อของทางการอเมริกาครับ ผมต้องย้ำ ว่ากลิน เดวีส์ได้ให้สัมภาษณ์สื่อที่เป็นทางการของสหรัฐอเมริกา และให้สัมภาษณ์น่าสนใจครับ บอกว่าสหรัฐฯต้องการเห็นความสมานฉันท์และการปรองดองในประเทศไทยเป็นเรื่องที่สำคัญและจะต้องทำให้เสร็จ ย้ำนะครับ สหรัฐฯเห็นว่าไทยเนี่ยควรจะจัดการเรื่องความปรองดอง ความสมานฉันท์เนี่ยให้เสร็จเรียบร้อย อย่าให้เป็นปัญหาอีกต่อไป โดยเรื่องการเลือกตั้งเนี่ยถือเป็นความสำคัญลำดับรองลงมา นั่นคุณยุคล อันนี้แหละครับ สำคัญมาก กลิน เดวีส์นะครับ ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเข้าร่วมงานเลี้ยงของบรรดาเรียกว่า US ASIAN นะครับ Business Council มันแปลกไหม มันสำคัญต่อประเทศไทยไหม สำคัญต่ออนาคตของประเทศไทยจริงหรือเปล่า ท่านผู้ชมลองทบทวนเรื่องราวตามที่ผมลำดับความมา ทูตสหรัฐฯ คุณผู้หญิงนี่ชื่ออะไรนะ คุณยุคล

                ยุคล : คริสตี้ เคนนี่ย์ ครับ

                สนธิญาณ : คริสตี้ เคนนี่ย์ นะ แต่งตัวเป็นไทย ร้องรำทำเพลง จัดงานปีใหม่ เชิญแต่คนเสื้อแดงนะ ตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นมาเนี่ย เธอเดินทางไปพบกับบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงในภาคอีสาน ได้เดินทางไปเยี่ยมสื่อทั้งหลายที่โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์หรือต่อต้านกฎหมายมาตรา 112 แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าสหรัฐยืนอยู่ข้างทักษิณ ชินวัตร ยืนอยู่ข้างคนเสื้อแดง พร้อมๆกับในขณะนั้นทักษิณก็ประกาศนโยบาย เครือข่ายคนเสื้อแดงถือเป็นยุทธศาสตร์ ก็คือนโยบายโลกล้อมประเทศ คุณยุคลจำได้ไหมครับ ทักษิณเดินหน้าอย่างแข็งแรงต่อเนื่อง จนกลิน เดวีส์ ที่ต้องถือว่าเป็นนักการทูตคนฉกาจ ได้มารับตำแหน่งต่อ การมารับตำแหน่งของกลิน เดวีส์ ผู้คนก็ส่องหาประวัติกัน ทีนิวส์ก็ติดตาม โอ้โห เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่ลงไปประกบเกาหลีเหนือ ซึงไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกันอย่างปกติกับสหรัฐอเมริกา ระดับทำงานอย่างนั้นนะครับ ถอนตัวมารับตำแหน่งที่ประเทศไทย และแล้วนโยบายก็เกิดต่อเนื่อง ไอ้ความหมายนั้นแปลว่าสหรัฐต้องการรุกหนักแล้ว จึงส่งกลิน เดวีส์มา สหรัฐฯแสดงท่าทีให้เห็นตลอดมาว่าปฏิเสธรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิเสธ คสช. แสดงท่าทียืนข้างทักษิณ ชินวัตร ชัดเจน ประเด็นสำคัญก่อนหน้านี้นะครับ บารัค โอบาม่า ประกาศไม่ให้ทักษิณเข้าประเทศ แต่หลังจากที่สหรัฐอเมริกาในยุคนั้นได้มีข้อตกลงพื้นฐานกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการให้สหรัฐฯเข้ามาใช้ฐานทัพอู่ตะเภา ภายใต้ข้ออ้างว่ามาสำรวจสภาพดินฟ้าอากาศ ทักษิณก็สามารถเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาได้ เข้าไปเคลื่อนไหว พบแกนนำคนเสื้อแดงในสหรัฐอเมริกา พบพวกที่เกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้าด้วย นั่นก็ชัดเจน อเนก ซานฟราน จู่ๆนะครับเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ามาเนี่ย สหรัฐฯได้ทำโครงการจะเอานักศึกษาในไทยเนี่ยนะไปเรียน ให้ทุนพิเศษที่สหรัฐอเมริกา ถึงขนาดเดินทางไปเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัยในภาคอีสานด้วยตัวเอง ชัดยิ่งกว่านั้นนะครับ เมื่อแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางมาไทย ได้แสดงความเห็นที่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงต่อไทย คือบีบคั้นเรื่องการเลือกตั้ง นี่คือสิ่งที่ผมเกริ่นให้เห็นภาพ สิ่งที่เกิดขึ้น สหรัฐฯกดดันไทย ไทยเองผมย้ำนะครับ ไทยเอง หลังจากที่สหรัฐฯกดดันอย่างหนัก และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์หรือ คสช.เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าสหรัฐฯเลือกยืนอยู่ข้างทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลไทยก็ไม่ใช่ย่อยนะครับ อันนี้ต้องชื่นชม คสช. ไม่ร่วมไม่ซ้อมรบกับไทยเหรอ ซ้อมกันมาทุกปี ไม่ซ้อมก็ได้ ซ้อมกับจีน ฉันก็ซ้อมกับจีน สัมพันธภาพระหว่างไทยกับรัสเซียพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สถานการณ์โลกเห็นชัดว่า รัสเซียกับจีนจับมือกันแล้วยืนอยู่ตรงข้ามสหรัฐฯ แต่ไทยก็ยังมีท่าทีที่ดีกับสหรัฐอเมริกา แต่ผูกสัมพันธ์กับจีนแข็งแรงขึ้น นั่นเป็นดุลอำนาจที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้ดำเนินการมา ดูต่อครับ ปรากฏว่าหลังที่โดนัลด์ ทรัมป์รับตำแหน่งประธานาธิบดี มีนโยบายปลดทูตประมาณ 80 ประเทศนะ คุณยุคล ทำไมต้องปลดทูต 80 ประเทศ แล้วทำได้เหรอ นำการเมืองมารังแกข้าราชการประจำแบบทูตเหรอ ไม่ใช่ครับ ทูตสหรัฐฯเป็นตำแหน่งทางการเมือง เป็นตำแหน่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐเลือกเพื่อให้ดำเนินการไปตามแนวนโยบายของประธานาธิบดีของพรรคการเมืองนั้นๆ มีคนหนึ่งที่อยู่ในเป้าจะถูกปลดด้วยคุณยุคล กลิน เดวีส์ ผู้สื่อข่าวเขาไปย้อนรอยถอยหลังดู ปรากฏว่าตอนที่โดนัลป์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง กลิน เดวีส์เนี่ยได้โพสแสดงความยินดีให้โดนัลป์ ทรัมป์ด้วย วันนี้ไม่ได้ถูกปลดถูกเปลี่ยน ยังเป็นทูตสหรัฐประจำประเทศไทยเหมือนเดิม และพลิกท่าที ย้ำนะครับ วันนี้สหรัฐฯบอกสมานฉันท์ก่อน แปลว่าสนับสนุนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ให้ดำเนินการก่อน อย่าไปรีบร้อนเลือกตั้ง จากก่อนหน้านี้นะกำหนด ว่าไทยต้องเลือกตั้งตามโรดแมพอีกซักพัก และที่เลวและที่สำคัญที่สุดก็คือการกดดันเรื่องมาตรา 112 เรามาดูกัน ความเปลี่ยนแปลงอันนี้นะครับข้อสรุปที่ชัดเจนง่ายๆและหวังว่าคนไทยจะดีใจ นั่นก็คือสหรัฐฯตัดความสัมพันธ์กับทักษิณ ชินวัตรใช่หรือไม่ เลือกที่จะคบกับ คสช. กับกองทัพ และมีความสัมพันธ์อันดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยใช่หรือไม่ จากที่ได้แสดงปฏิกิริยาต่อต้านมาโดยตลอด นี่จะมีการจัดนิทรรศการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับไทย ถ้าผมจำไม่ผิด จะทำนิทรรศการอันเกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เราจะได้จับตาดู ว่านโยบายโลกล้อมประเทศ ความหวังเดียวของทักษิณ ก่อนหน้านี้หวังจะให้มีการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย เป็นแบบซีเรีย เป็นแบบอิรัก เป็นแบบไหนก็ตามแต่เนี่ยนะ ความหวังนั้นวันนี้จบสิ้น ถ้าทิศทางและนโยบายของกลิน เดวีส์เป็นแบบนี้ นั่นแสดงว่าไม่ใช่กลิน เดวีส์ กลับไปกลับมานะครับ ก็เมื่อเข้าทำงานให้กับโดนัลป์ ทรัมป์ และรัฐบาลโดนัลป์ ทรัมป์มีนโยบายอย่างนี้ต่อประเทศไทยในการที่จะเปลี่ยนสัมพันธภาพ เปลี่ยนนโยบายต่อกัน ผมคิดว่าถ้าจริงนะครับ อนาคตของทักษิณจบสิ้นแล้ว