สนธิญาณ ชี้!!การ"ค้าอาวุธ"ชายแดนจากเขมรไปชนกลุ่มน้อยไม่ใช่แค่เพิ่งเกิด แต่มีมากว่า 30 ปีแล้ว แต่ต้องระวังจะถึงมือโจรใต้หรือชายชุดดำ!!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ สดลึกจริง ช่วง "สถาพรถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณสถาพร เกื้อสกุล ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) บรรณาธิการอำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

                สถาพร : ขณะนี้เนี่ยเรื่องราวที่ประชาชนให้ความสนใจอีกเรื่องนึงนั่นก็คือเรื่องของการค้าขายอาวุธนะครับ ซึ่งล่าสุดนั้นเนี่ยก็มีจากสองเรื่องสองกรณี กรณีแรกเนี่ยก็คือจากที่ไปจับได้บริเวณจังหวัดตราดนะครับ รถไปประสบอุบัติเหตุ อีกกรณีนึงคือค้าขายผ่านไปรษณีย์ครับ

สนธิญาณ : เมื่อมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นนะครับ สิ่งที่เราควรจะทำความเข้าใจร่วมกันก็คือว่าอาวุธนั้นเอาจากไหนมาขายนะครับ เป็นสองประเด็นนะครับ เพราะฉะนั้นสองเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ยนะครับน่าจะเป็นคนละเหตุการณ์กัน แต่จะแจกแจงให้เห็นและก็ทำให้เราได้เห็นภาพดังนี้ครับ ท่านผู้ชมครับ กรณีของที่ตราดเนี่ยนะครับ ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าทำมาหลายครั้งแล้ว เอาอาวุธจากกัมพูชาไปขายให้กับชนกลุ่มน้อยนะครับ ซึ่งในข้อเท็จจริงเนี่ยนะครับไม่ใช่เฉพาะกรณีที่ถูกจับนี้เท่านั้น ย้ำนะครับ กรณีที่ถูกจับผู้ต้องหาบอกว่าทำมา 5-6 ครั้ง แต่ความจริงการขายอาวุธเนี่ยนะครับจากตะวันออกไปยังตะวันตกเนี่ยนะครับ ทำมาผมคิดว่าเป็น 20-30 ปี แล้ว

สภาพร : คือมันยังมีกลุ่มอื่นๆที่ทำในลักษณะแบบเดียวกัน

สนธิญาณ : มันจะกลุ่มไหนก็ตามแต่ล่ะครับ ข้อเท็จจริงคือต้องเป็นกลุ่มที่มีอำนาจอยู่ในฝั่งตะวันออกนั่นก็คือประเทศกัมพูชา ส่วนผู้ซื้อก็แน่นอนล่ะครับเป็นชนกลุ่มน้อยทางฝั่งตะวันตก สิ่งที่เรากลัวตอนนี้นะครับก็คือว่าอาวุธดังกล่าวเนี่ยจะต้องไม่ลงไปที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งนั่นเท่ากับไปติดเขี้ยวเล็บให้กับโจรก่อการร้าย อาวุธที่มาจากฝั่งตะวันออก มาจากฝั่งกัมพูชาเนี่ยมันเป็นแบบนี้นะครับ ท่านผู้ชมอาจจะสงสัยว่า อะไรขายมา 20-30 ปี ยังไม่หมดเหรอ ไม่หมดหรอกครับ เพราะอะไร คุณสถาพร

สถาพร : เพราะว่าเมื่อก่อนกัมพูชาเองเนี่ยก็รบกันเองนะครับ อาวุธเยอะแยะอยู่

สนธิญาณ : มันรบกันแล้วก็มีกระบวนการของการที่จะส่งเสริมให้เกิดการต่อสู้กันของมหาอำนาจ เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ ผมจะลำดับความให้ฟังนะครับ กัมพูชาเนี่ยนะครับก็ปกครองในระบอบประชาธิปไตยปกตินะครับ มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนะครับ ปรากฏว่าในปี พ.ศ.2518 นะครับ ในยามที่พรรคคอมมิวนิสต์หรือลัทธิคอมมิวนิสต์นะครับขยายตัวอย่างเต็มที่โดยมีประเทศจีน เวียดนาม รัสเซีย ส่งเสริมเนี่ย ก็ปรากฏว่าเขมรแดงนะครับ ซึ่งต่อสู้กับฝ่ายประชาธิบไตยสามารถที่จะเข้ายึดครองประเทศกัมพูชาได้ หลังจากเขมรแดงเข้ายึดครองประเทศกัมพูชาเนี่ย ก็เกิดปรากฎการณ์ของโลกคอมมิวนิสต์ นั่นก็คือจีนกับรัสเซียแตกคอกัน เวียดนามเข้าข้างรัสเซีย จีนเข้าข้างเขมรแดงที่ยึดครองกัมพูชา กรณีนี้เนี่ยนะครับกลายมาเป็นการต่อสู้ของโลกคอมมิวนิสต์กันเอง เพราะว่าเวียดนามเนี่ยมีชายแดนติดกับกัมพูชา รัสเซีย เวียดนามก็วางแผน ถ้าเป็นแบบนี้เนี่ยนะครับ ไม่ได้ ปล่อยให้เขมรแดง ปล่อยให้คอมมิวนิสต์แผ่อำนาจไม่ได้ ก็เลยจัดตั้งกองทัพปลดแอกของกัมพูชาขึ้นมาอีกคณะหนึ่งนะครับ โดยมีเฮง สำรินและฮุนเซนเนี่ยแหละครับ นายกรัฐมนตรีฮุนเซนคนปัจจุบันเนี่ยเป็นหุ่นเชิดของเวียดนาม ตอนนั้นเขาเรียกว่าเป็นหุ่นเชิด กองทัพเวียดนามบวกกับเขมรบางส่วนก็เข้าโจมตีเขมรแดง ใช้อาวุธหนักเลย รบกัน เขมรแดงขึ้นครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 18 นะครับยึดครองประเทศกัมพูชาได้ ต้อนคนไปทำไร่ไถนา ปัญญาชนเขาเรียกว่าเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ของเขมรแดง พ่ายแพ้แก่ฝั่งเวียดนามและเฮง สำริน ฮุนเซ็น ในปี พ.ศ.2522 ทีนี้เอาจริงๆ อเมริกาหันมาจับมือกับจีน บอกว่าเฮ้ยไม่ได้นะ ถ้าเป็นแบบนี้ รัสเซีย เวียดนามเนี่ยจะขยายอิทธิพล เราจะต้องผนึกกำลังกันต่อต้าน วิธีผนึกกำลังต่อต้านทำยังไงล่ะครับ มาจัดตั้งเขมร 3 ฝ่ายขึ้น ฝ่ายหนึ่งก็คือเขมรแดง ซึ่งมีกองกำลังเดิม ที่เป็นกองทัพเขมรแดงเหมือนเดิม ฝ่ายที่สองเนี่ยคือเขมรเสรี หรือซอนซาน นะครับ ซอนซานสนับสนุนโดยสหรัฐอเมริกา ฝ่ายที่สามก็คือสมเด็จนโรดม สีหมุนี ก็รวมกันเป็นเขมร 3 ฝ่ายนะครับ ก็รบกันนะครับ รบกันกับฝ่ายเฮง สำรินที่สนับสนุนโดยเวียดนามตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 เนี่ย ทีนี้เวลารบกันเนี่ย การส่งกำลังบำรุงเนี่ยและหน่วยที่รบทั้งหลายมันอยู่ตรงไหนล่ะ มันอยู่ชายแดนไทย กัมพูชา ฝั่งนี้แหละครับ เพราะไอ้หน่วยต่อต้านเนี่ยไปอยู่ฝั่งชายแดนเวียดนามไม่ได้ เวียดนามจัดการเหี้ยนเต้หมด ชายแดนเขมรฝั่งหนึ่งเป็นเวียดนาม ฝั่งหนึ่งเป็นไทย ก็ตรงแนวฝั่งชายแดนไทยทั้งหมดเนี่ยนะคุณสถาพร กองกำลังพวกนี้อยู่ เพราะฉะนั้นการลำเลียงอาวุธ การลำเลียงยุทโธปกรณ์ การลำเลียงอาหาร ยา ผ่านชายแดนไทยเข้าไปแบบลับๆ ปี พ.ศ.2534 ก็มีเซ็นสัญญาสงบศึกกัน เขมร 3 ฝ่ายกับฝ่ายของเฮง สำริน ฮุนเซ็น บอกให้เลิกรบกันเสียที มาสันติภาพนะ ปรองดองกัน ไปพัฒนาประเทศ ก็ไปบริหารประเทศร่วมกัน จบ ปรากฏว่าอาวุธที่รบกันเยอะแยะเนี่ยไปไหน ไม่ได้คืนรัฐบาล อยู่ชายแดนไทยเนี่ยแหละครับ ทีนี้อีกฝั่งนึงเนี่ยฝั่งตะวันตกก็แบบเดียวกัน ฝั่งตะวันตกต้องการอาวุธ ทำไมฝั่งตะวันตกต้องการอาวุธ

สถาพร : ก็ชนกลุ่มน้อยของพม่า

สนธิญาณ : จะเรียกว่าชนกลุ่มน้อยก็ไม่ได้นะ ทุกวันเรียกชนกลุ่มน้อยเนี่ยผิดนะคุณสถาพร ประเทศพม่าเนี่ยมีอยู่หลายเผ่าพันธุ์ ความจริงเผ่าพันธุ์พม่าเนี่ยนะเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีน้อยกว่าชนชาติอื่นเสียด้วยซ้ำไป กะเหรี่ยง ไทใหญ่ เยอะแยะ แต่เพียงแต่เผ่าพันธุ์พม่าเนี่ยเป็นคนที่คอนโทรลและก็ควบคุมอำนาจในการปกครอง โดยใช้วิธีการรบ มันเป็นมาตั้งแต่โบราณนะครับ อังกฤษเข้ามายึดครองพม่า เมื่ออังกฤษเข้ามายึดครองพม่าเสร็จนะก็บอกว่า หลังจากอังกฤษให้เอกราชเนี่ยนะครับก็จะให้ทุกเผ่าพันธุ์เนี่ยแยกเป็นประเทศเอกราชของแต่ละประเทศเอง มาปกครองตัวเอง แต่ว่าก่อนจะแยกเนี่ยนะ เขาก็ไปทำสัญญากันก่อนเรียกว่าสนธิสัญญาปางหลวงเนี่ยนะครับ รวมกันเสร็จวันดีคืนดีเผ่าพันธุ์พม่า ยกกองทัพไปฆ่าผู้นำเขาซึ่งมาประชุมอยู่ในสภา ตายหมดเหี้ยนเต้ ชนกลุ่มน้อยทั้งหลายก็แตกตัวตั้งหลักรบกับรัฐบาลพม่า ไอ้ชนกลุ่มน้อยก็แบบเดียวอีก อยู่ฝั่งชายแดนไทย เพราะพม่าเข้ามาไม่ถึงในป่าเขาถ้ำ พวกนี้ทำไงให้มีการซื้ออาวุธขายยาค้าฝิ่น จากปลูกฝิ่น ขายเฮโรอีน จนมาถึงยาบ้า เพื่อจะเอาเงินมาซื้ออาวุธ และอาวุธเอามาจากไหน ก็ซื้อจากฝั่งกัมพูชา นี่แหละครับ เอามาลำดับความ มาเล่าให้คุณผู้ชมได้เห็นภาพเลยว่า มันเป็นแบบนี้มันถึงมีกระบวนการค้าอาวุธเนี่ยนะต่อเนื่องไม่หยุด เพราะฉะนั้นด้านหนึ่งเนี่ยนะครับ รัฐไทยเนี่ยนะครับย้ายอาวุธที่สุดคือสามจังหวัดใต้ แต่ความจริงการทำให้มันเกิดการค้าขายอาวุธอย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง เพราะว่าอีกส่วนหนึ่งเนี่ยนะครับที่ค้าขายผ่านไปรษณีย์ ผมเรียนนะครับ ที่กองทัพและ คสช.ต้องจัดการแถลงแจกแจงให้ชัดนะครับ ปล่อยไว้เฉยๆไม่ได้นะ เพราะไม่รู้ว่าอาวุธนี้ส่งให้กับคนชุดดำที่เคยต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ เกลือเป็นหนอนเนี่ยเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด