๑๓๙ ปี “ครูบาศรีวิชัย”  อัศจรรย์แต่แรกเกิด ทำเอาปฐพีสะเทือน!!! แน่วแน่ อุทิศชีวิต บำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า # (คลิปงานอัญเชิญรูปหล่อ)

๑๓๙ ปี “ครูบาศรีวิชัย”  อัศจรรย์แต่แรกเกิด ทำเอาปฐพีสะเทือน!!! แน่วแน่ อุทิศชีวิต บำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า # (คลิปงานอัญเชิญรูปหล่อ)

ย้อนรอยถอยหลังกลับไปเมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๑ ณ วันอังคารขึ้น ๑๑ ค่ำปีขาล ตรงกับวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๔๒๑ ใกล้เวลาพลบค่ำพระอาทิตย์กำลังจะตก เกิดเหตุประหลาดท้องฟ้าที่ใสสว่างกลับวิปริตมืดคลื้ม พายุพัดกระหน่ำพาเอาสายฝนเทลงมา เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าแผ่นดินไหว เกิดทารกน้อยที่ชื่อ  “อินตาเฟือน” หรือ “อ้ายฟ้าร้อง” ได้ถือกำเนิด ในชนบทกันดารของหมู่บ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ใครเล่าจะรู้ในวันนั้นทารกน้อยนี้คือ “ท่านครูบาศรีวิชัย หรือ ต้นบุญแห่งลานนา”ครั้นเมื่อท่านอายุได้ ๑๘ ปีท่านได้ขอลาบิดามารดาไปอยู่วัดบ้านปาง ศึกษาเล่าเรียนและบวชเป็นสามเณรกับพระอาจารย์ขัติยะ หรือ ครูบาแข้งแขะ เมื่ออายุได้ ๒๑ ปีจึงได้อุปสมบทที่วัดบ้านโฮ่งหลวง จังหวัดลำพูน โดยมีครูบาสม สมฺโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “สิริวิชโย ภิกขุ” แต่ชาวบ้านจะเรียกท่านว่า “พระศรีวิชัย”

ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :สาธุ! ยอดพระคาถาบารมี 9 ชั้น ครูบาศรีวิชัย ทั้งแคล้วคลาดและเมตตาเป็นเลิศ แม้ถูกปองร้าย หาได้รับอันตรายไม่!!

พระศรีวิชัยเดิมได้ศึกษาไสยศาสตร์เวทมนต์คาถาจากครูแข้งแขะ โดยได้ยึดมั่นว่าเป็นของดีของวิเศษที่จะนำความสุขความเจริญมาให้ ต่อมาได้ศึกษาต่อกับครูบาสม สมฺโณ ที่วัดบ้านโฮ่งหลวง การได้ศึกษากับพระอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยภูมิรู้และวัตรปฏิบัติ ทำให้ท่านเกิดความเข้าใจในพุทธศาสนาที่ถูกต้อง มีความมุ่งมั่นปฏิบัติในด้านกัมมัฏฐาน โดยละเลิกความสนใจทางด้านไสยศาสตร์ ด้วยเล็งเห็นว่ามิใช่หนทางแห่งความหลุดพ้น และเมื่อ พระศรีวิชัยกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านปางอีกครั้งและปลีกตัวเองไปอยู่ในเขตอรัญญาวาส บำเพ็ญสมาธิภาวนาด้วยความสงบ ฉันอาหารมื้อเดียว ละเว้นจากการฉันเนื้อสัตว์และเว้นจากของเสพติดเช่น หมาก พลู บุหรี่ เมี่ยง บางครั้งท่านไม่ฉันข้าวนานถึง ๕ เดือน ฉันแต่ผักผลไม้ ทำให้ชาวบ้านตลอดจนชาวเขาหลายเผ่าที่อยู่ในแถบนั้นพากันเคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน “พระศรีวิชัย” ได้ชื่อว่าเป็นพระนักพัฒนาโดยแท้ ท่านเป็นผู้นำพัฒนาวัดบ้านปางเป็นแห่งแรก ก่อสร้างปฏิสังขรณ์กุฏิ วิหาร โบสถ์ และให้ชื่ออารามใหม่นี้ว่า “วัดจอมศะหรีทรายมูลบุญเรือง” แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงเรียกว่า “วัดบ้านปาง” นอกจากนั้นท่านยังได้ปลูกสร้างปฏิสังขรณ์วัดวาอารามและถาวรวัตถุทางศาสนาอีกหลายสิบวัดในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น วัดพระธาตุหริภุญชัยลำพูน, วัดเชียงยืน, วัดพระพุทธบาทตากผ้า, วัดจามเทวี, วัดพระสิงห์, วัดสวนดอก, วัดศรีโสดา,วัดพระแก้วดอนเต้าลำปาง เป็นต้น
ผลงานด้านการพัฒนาที่เป็นที่รู้จักและกล่าวขวัญถึงปัจจุบันก็คือ ถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่สมัยนั้นถือได้ว่าเป็นการร่วมแรงร่วมใจของผู้คนจากทั่วภาคเหนือที่พร้อมใจกันมาสร้างถนน ทั้งสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องจักรที่ทันสมัย รัฐบาลในสมัยนั้นซึ่งมีพลเรือตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทราบเรื่องจากหลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) จึงได้ส่งนายช่างขึ้นมาทำการสำรวจเส้นทาง ระยะทางทั้งหมด ๑๑.๕๓๐ กิโลเมตร โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๔๗๗ แล้วเสร็จในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๔๗๘ จากความมีชื่อเสียงเป็นพระนักพัฒนา แต่ดูเหมือนว่าการบำเพ็ญบารมีธรรมจะก้าวไปพร้อมกันกับอุปสรรค์แสนเข็ญ เพราะคณะสงฆ์ผู้ใหญ่ในล้านนาไม่พอใจ จนถึงขนาดมีการกล่าวหาเอาผิดท่านถึง ๓ ครั้ง โดยกล่าวหาว่าท่านทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง และนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ จากนั้นจึงได้ส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ตั้งกรรมการชำระคดีครูบาศรีวิชัย ผลปรากฏว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีความผิด อีกทั้งท่านยังได้กล่าวขวัญจากอริยสงฆ์หลายๆองค์ว่า ท่านคือพระโพธิสัตว์ที่ลงมาบำเพ็ญบารมีจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตต่อจากพระอารยเมตไตร

ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :ครูบาศรีวิชัย เป็นพระโพธิ์สัตว์ ที่หลวงปู่มั่นรับรองกับพระอุบาลี (จันทร์)

 

วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๔๘๑ ขณะที่อายุได้ ๖๐ ปีเศษ ครูบาศรีวิชัยได้ถึงแก่กาลมรณภาพที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่วัดจามเทวี ในวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๔๘๙ ตามแบบประเพณีล้านนาไทย และณ.เวลาผ่านมาจนวันนี้ครูบาศรีวิชัย จะมรณภาพมานานกว่า ๘๐ ปี ทว่าชื่อเสียงของท่านยังคงอยู่ในศรัทธาของชาวเชียงใหม่และใกล้เคียงไม่เสื่อมคลาย ในโอกาสครบรอบ ๑๓๙ ปี ครูบาศรีวิชัย วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๐ ได้จัดรำลึก และสร้างรูปหล่อเนื้อโลหะ หน้าตัก ๕ เมตร สูง ๗ เมตร หนักกว่า ๗ ตัน ชักลากแม่เรือแบบโบราณ สู่วัดพระนอนแม่ปูคา และให้มีงานสมโภชขึ้น ณ วัดจามเทวี  ทั้งนี้เนื่องจากความสำคัญของวัดจามเทวี ซึ่งถือเป็นวัดสุดท้ายที่ครูบาเจ้าฯได้มาบูรณะก่อสร้าง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ ๑ ใน ๖ แห่งที่มีกู่บรรจุอัฐิของครูบารวมทั้งยังเป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของครูบาเจ้าศรีวิชัยอีกด้วย 
ที่มา จักรพงษ์ คำบุญเรือง ภาพจาก FB: Mint Denise และคลิปจากนิวทองคำ เทพชัตเตอร์

ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :อดีตชาติครูบาศรวิชัย ช้างป่าเลไลย์ อนาคตกาลข้างหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า หลวงปู่ตื้อย้ำชัด!!!
ข่าวโดย :  กิตติ จิตรพรหม ทีนิวส์  / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์