ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเปิดเผยกรณีนายวิทยา แก้วภารดัย อดีตสมาชิกสมาชิกปฏิรูปแห่งชาติ (สปท.) และอดีตแกนนำ กปปส. ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีซื้อขายตำแหน่งตำรวจระดับสารวัตร-ระดับรองผู้กำกับการ ทั้งในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และโดยเฉพาะพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีการซื้อ-ขาย ตำแหน่งด้วยราคาที่สูงกว่ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ถึง 2 เท่าว่า  ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าทำไมนายวิทยา ถึงมาพาดพิงข้อมูลดังกล่าว
สำหรับในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจโทศานิตย์ มหาถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับความเสียหาย มองว่าพลตำรวจโทศานิตย์ เป็นบุคคลที่ตรงไปตรงมา ได้มีการพูดคุยกันแล้ว โดยจะดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งแน่นอน ขณะเดียวกันได้มอบให้พลตำรวจโทจารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการกองกฎหมายและคดี ไปพิจารณา ว่าการกล่าวหาดังกล่าวเข้าข่ายการหมิ่นประมาทหรือไม่ 
ทั้งนี้การพิจารณาแต่งตั้ง มีหลักเกณฑ์ตามลำดับขั้นอยู่แล้วหลายขั้นตอน ตั้งแต่ระดับกองบัญชาการ ก่อนจะมาถึงการลงนามของตน

ส่วนกรณีมีคำสั่งย้ายพลตำรวจโทเทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ระบุว่า การย้ายครั้งนี้ นอกจากจะมีข้อกล่าวหาที่นายวิทยาออกมาเปิดเผยและยังมีหนังสือร้องเรียนเข้ามาหลายฉบับ จึงต้องมีการย้ายให้มาช่วยราชการ เพื่อให้จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าไปตรวจสอบได้โดยง่าย และลดข้อครหาจากประชาชน พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เนื่องจากพลตำรวจโทเทศา มีความสนิทสนมกับนายสุเทพ 

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้มีการตรวจสอบให้ชัดเจนนั้น พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ยืนยันว่า จะต้องตรวจสอบตามพยานหลักฐาน และคำให้การต่างๆ

ส่วนกรณีที่พลตำรวจเอกเสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) เป็นผู้ทำบัญชีแต่งตั้งในครั้งนี้ ในเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ เป็นลูกน้องของตน ไม่มีหน้ามี่ในการแต่งตั้งโยกย้าย ส่วนที่ข่าวออกมาระบุว่า พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ ใหญ่กว่านายตำรวจยศพลตำรวจเอกนั้น ตนไม่เคยเห็น แต่อาจจะมีบางครั้งที่ตนมอบหมายให้พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ ไปสืบคดีในทางลับ แต่ยืนยัน ว่า สปพ. 191 สนับสนุนการทำงานของสถานีตำรวจ ไม่มีหน้าที่ในการโยกย้าย

พลตำรวจตรี จารุวัฒน์ ระบุว่า หากนายวิทยาออกมาพูดโดยไม่มีข้อเท็จจริง ถือเป็นหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งผู้ที่เกี่ยวจ้องจะพิจารณาว่าจะดำเนินการฟ้องร้องหรือไม่ และตนจะเป็นผู้พิจารณาข้อเท็จจริงในฐานะตัวแทนของสำนักงานคำรวจแห่งชาติ เดราะทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นนิติบุคคล ซึ่งได้รับความเสียหายหากมีการพาดพิงถึงบุคคลในองค์กร