เอกฉันท์!!! มติสนช. 180 ต่อ 0 ผ่านร่างพรป.พรรคการเมือง คงทุนประเดิม 1 ล้านบาท และต้องทำไพมารีโหวตหาผู้สมัครสส.

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่1 ทำหน้าที่ประธานเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯที่มีพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เป็นประธาน โดยพล.อ.สมเจตน์ ชี้แจง ว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมี 142 มาตรา แก้ไขไป 60 มาตรา ตัดออก 1 มาตรา และเพิ่มใหม่4มาตรามีเจตนารมณ์ขจัดนายทุนครอบงำพรรคการเมือง ส่งเสริมให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของพรรค มีส่วนร่วมคัดสรรผู้สมัครทั้งส.ส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตนยืนยันว่า พรรคการเมืองต้องถูกปฏิรูป ถ้าไม่เช่นนั้น การปฏิวัติเสียของแน่

จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาเรียงลำดับรายมาตรา โดยในมาตรา  9 เกี่ยวกับทุนประเดิมพรรคการเมือง ที่ร่างเดิมของกรธ.กำหนดไว้ว่าพรรคการเมืองต้องมีทุนประเดิม 1 ล้านบาท เก็บจากผู้ร่วมจัดตั้งพรรคต้องร่วมกันจ่ายคนละไม่น้อยกว่า 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 300,000 บาท แต่กมธ.ได้แก้ไขให้มีทุนประเดิมไม่น้อยกว่าจำนวนที่ กกต.เคยกำหนดเป็นค่าใช้จ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งกกต.ระบุไว้ที่ 1.5 ล้านบาท โดยเก็บจากผู้ร่วมจัดตั้งพรรคร่วมกันจ่ายคนละไม่น้อยกว่า 1,000 แต่ไม่เกิน 50,000 บาท  โดยมาตรานี้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ระหว่างกมธ.เสียงข้างมาก  กมธ.เสียงข้างน้อย และสมาชิกสนช.บางส่วนที่เห็นว่า ควรให้ทุนประเดิมพรรคการเมือง 1 ล้านบาท และผู้ร่วมจัดตั้งต้องจ่ายคนละไม่น้อยกว่า  1,000 บาทแต่ไม่เกิน 50,000 บาท 

เมื่อพิจารณาจนครบ 142 มาตราแล้ว ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ด้วยคะแนน 180เสียง งดออกเสียง3 ไม่ลงคะแนน 1เสียง โดยขั้นตอนต่อจากนี้สนช.จะต้องส่งร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ให้กับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่สนช.แก้ไขสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ต่อไป ซึ่งทั้งกรธ.และกกต.ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 10วัน และส่งกลับมายังประธานสนช. ทั้งนี้ที่ประชุมสนช.ใช้เวลาการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ดังกล่าว 6  ชั่วโมงกว่า