ทนเห็นไม่ได้จริงๆ..!! รองปลัดยธ.สั่งการด่วนจนท.ยุติธรรม(อุตรดิตถ์) จัดหาทนายช่วยแม่วัย 82 สู้คดีลูกชาย+สะใภ้ฟ้องคดีลักทรัพย์แล้ว!?!

จากกรณีนางจรูญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 82 ปี ชาวบ้านเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เข้าพบ ร.ต.อ.ชาติสยาม แจ่มรัตนโสภิณ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือและรับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกนายสมบัติ (ขอสงวนนามสกุล) ลูกชายแท้ๆ ที่รับราชการอยู่หน่วยงานหนึ่งในจังหวัด พร้อมด้วย น.ส.วิมลรัตน์ ลูกสะใภ้ แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ตู้ไม้ 2 หลัง

 

 

เหตุเกิดที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งย่าน ถ.บรมอาสน์ เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ซึ่งที่เกิดเหตุเป็นบ้านของนางจรูญ แต่ให้ น.ส.วิมลรัตน์เปิดร้านเสริมสวย ต่อมาไม่ได้เปิดร้านแต่จะปล่อยให้เช่า นางจรูญขอคืนและไปขนตู้ไม้จากร้านมาเก็บไว้ น.ส.วิมลรัตน์จึงแจ้งความดำเนินคดี ขณะที่นายสมบัติแท้ๆ ก็ยืนยันตามลูกสะใภ้ว่าจะดำเนินคดีกับนางจรูญผู้เป็นแม่แท้ๆ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเกลี่ยกล่อมให้ นายสมบัติและน.ส.วิมลรัตน์ เพื่อให้ถอนแจ้งความ พร้อมนัด น.ส.วิมลรัตน์กับนายสมบัติมาเจรจากับนางจรูญเพื่อยอมความกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน แต่ น.ส.วิมลรัตน์กลับไม่ยอมมาตามนัด โดยอ้างว่าต้องรอพบกับทนายความจากจังหวัดตากก่อน แต่ทนายความไม่เดินทางมา การเจรจาจึงต้องยกเลิกไป และพนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการตามหน้าที่

 

 

 

 

ความคืบหน้าล่าสุดในคดีกล่าวนี้ วันนี้ (27 มิ.ย.) นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ยุติธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์เข้าไปดูแลกรณีนางจรูญ อายุ 82 ปี ถูกลูกชายและลูกสะใภ้ แจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์เป็นตู้ไม้ 2 หลัง โดยกำชับให้ตรวจสอบว่านางจรูญมีศักยภาพที่จะต่อสู้คดีด้วยตนเองได้หรือไม่ ถ้าตรงตามหลักเกณฑ์กองทุนยุติธรรม ให้ช่วยจัดหาทนายความสู้คดีที่ลูกชายและลูกสะใภ้ที่แจ้งความ รวมทั้งให้พิจารณาในประเด็นที่นางจรูญในฐานะมารดา เอาทรัพย์ซึ่งเป็นตู้ไม้ไปเก็บไว้ตามข่าวนั้นเข้าข่ายเจตนาลักทรัพย์หรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตาม พ.ร.บ. องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 21 วรรคสอง กรณีถ้าพนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน ให้เสนอต่ออัยการสูงสุดและอัยการสูงสุดมีอํานาจสั่งไม่ฟ้องได้.