เปิดคำพิพากษา!!!ทำไมถึงยกฟ้องมือปืนป๊อปคอร์น?!?“โจทก์”มีแค่ภาพนสพ.-ไม่นำพยานเบิกความ “ทนาย”ยันชัดปืนยิงคนเจ็บไม่ใช่ของจำเลย???

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

จากกรณีศาลอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ยกฟ้องมือปืนป๊อปคอร์น หลังจากที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวิวัฒน์ หรือท็อป ยอดประสิทธิ์ หรือ มือปืนป๊อปคอร์น อายุ 27 ปี จำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่า, พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปืนออกนอกเคหสถานภายในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8, 72 และ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 5, 6, 11, 18

       ทั้งนี้ตามฟ้องอัยการโจทก์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2557 บรรยายความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2557 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกได้มีปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาดติดตัวไปที่ทางแยกหลักสี่ เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในอาคารศูนย์การค้าไอทีสแควร์ เป็นเหตุให้ น.ส.สมบุญ สักทอง, นายนครินทร์ อุตสาหะ, นายอะแกว แซ่ลิ้ว และนายพยนต์ คงปรางค์ ผู้เสียหายที่ 1-4 ได้รับอันตรายสาหัส โดยนายอะแกว ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธในการต่อสู้คดี

 

       ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า มีประเด็นว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ คดีนี้โจทก์มีพนักงานสอบสวน ได้สืบสวนทราบว่ามีคนร้ายเกี่ยวข้องกับการยิงรวม 21 คน ในจำนวนนี้มีชายชุดดำคือนายวิวัฒน์ จำเลยคดีนี้รวมอยู่ด้วย ดังที่ปรากฏในภาพนิ่งที่เห็นชายชุดดำในสถานที่และเวลาเดียวกับที่เกิดเหตุหลายภาพ แม้โจทก์จะมีเทปภาพเคลื่อนไหวและภาพถ่ายจากหนังสือพิมพ์ แต่โจทก์ไม่นำสืบถึงความเกี่ยวข้องหรือนำตัวผู้ถ่ายหรือนำประจักษ์พยานมาเบิกความประกอบให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกับภาพมาเปรียบเทียบกับจำเลย หลักฐานดังกล่าวจึงไม่อาจยืนยันได้ว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดและตัวจำเลยนั้นเป็นคนคนเดียวกัน มีเพียงคำให้การของจำเลยที่ให้การรับสารภาพ ซึ่งมีพิรุธเคลือบแคลงสงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลย แต่ให้คุมขังไว้ระหว่างฎีกา

เปิดคำพิพากษา!!!ทำไมถึงยกฟ้องมือปืนป๊อปคอร์น?!?“โจทก์”มีแค่ภาพนสพ.-ไม่นำพยานเบิกความ “ทนาย”ยันชัดปืนยิงคนเจ็บไม่ใช่ของจำเลย???

ขณะที่น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความจำเลย เปิดเผยด้วยว่า หลังจากนี้เตรียมที่จะยื่นขอประกันตัวนายวิวัฒน์ หลังจากศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าการประกันตัวจะต้องใช้หลักทรัพย์ 3,700,000 บาท ถึงแม้ตอนนี้เรายังไม่มีหลักทรัพย์ แต่เชื่อว่ายังมีคนที่พร้อมจะช่วย และหลังจากศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดีนี้ จำเลยรู้สึกดีใจมากที่ศาลพิพากษายกฟ้อง ส่วนหากอัยการโจทก์ยื่นฎีกา ทางทนายความก็เตรียมที่จะแก้ฎีกา แต่หากไม่มีการยื่นฎีกาตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด คดีก็จะถือเป็นที่สิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง

 

       “ ผลคำพิพากษาเกินความคาดหมายหรือไม่  เราทราบอยู่แล้วว่าข้อเท็จจริงคดีนี้เป็นอย่างไร และมีพยานหลักฐานอะไรบ้าง ซึ่งอาวุธปืนที่ทำให้มีคนบาดเจ็บเป็นปืนกระบอกอื่น ไม่ใช่ของจำเลย

เปิดคำพิพากษา!!!ทำไมถึงยกฟ้องมือปืนป๊อปคอร์น?!?“โจทก์”มีแค่ภาพนสพ.-ไม่นำพยานเบิกความ “ทนาย”ยันชัดปืนยิงคนเจ็บไม่ใช่ของจำเลย???

       อย่างไรก็ตามคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2559 เห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับคนร้ายที่สวมชุดดำ ที่มือสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขียวเหลือง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 มีอาวุธปืนร้ายแรงที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ มีอาวุธปืนและพกพาไปในที่สาธารณะที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 4, 7, 8 และ 72 มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 5, 6, 11 และ 18 และประกาศเรื่องห้ามนำอาวุธออกนอกเคหสถาน ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรม

 

       ดังนั้นจึงพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นบทหนักสุด และฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน จำคุก 6 ปี แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ มีเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกฐานฆ่าผู้อื่น 33 ปี 4 เดือน และความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน จำคุก 4 ปี รวมจำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน

เปิดคำพิพากษา!!!ทำไมถึงยกฟ้องมือปืนป๊อปคอร์น?!?“โจทก์”มีแค่ภาพนสพ.-ไม่นำพยานเบิกความ “ทนาย”ยันชัดปืนยิงคนเจ็บไม่ใช่ของจำเลย???