อะไรจะโหดขนาดนี้!! ผู้ใหญ่บ้านตกใจเจอ 2 เด็กวิ่งเตลิดริมถนน อึ้งหนัก!! มีโซ่ล่ามขาติดตัว หัวโดนตีเป็นแผล รีบแจ้งตร.ด่วนๆ เมื่อรู้ว่าใครทำ??

ปัญหาเกี่ยวกับเด็กถูกทำร้ายร่างกายมีให้เห็นผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้ง บ้างก็โดนพ่อแม่แท้ๆ ทำร้าย กักขัง หรือแม้กระทั่งถูกพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงทารุณ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจเด็กๆ เหล่านี้อย่างมาก ซึ่งวันนี้ก็เหตุการณ์คล้ายๆ กันอีกจนได้ เมื่อเด็ก 2 คน วิ่งหนีเตลิดกันริมถนน พร้อมกับลากโซที่ล่ามข้อเท้ามาด้วย และยังพบว่ามีบาดแผลใหญ่บนศรีษะ 
 

โดยเรื่องราวดังกล่าว ได้รับการเปิดเผยโดย พ.ต.ท.บุญจันทร์ สังข์ทอง พนักงานสอบสวน สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ หลังได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอำเภอสมเด็จ ว่ามีเด็กชาย อายุ 12 ปี และ 13 ปี ซึ่งทั้งสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน คาดว่าจะถูกทำร้าย โดยเด็กชายอายุ 12 ปี ถูกตีที่ศีรษะแตก บริเวณข้อขาด้านซ้ายยังมีโซ่ล่ามเอาไว้ และมีนายราเชนท์ พรมรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านสร้างแสน หมู่ที่ 2 ต.ลำห้วยหลัว อ.สมเด็จ นำตัวมารักษาที่โรงพยาบาล จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาและนายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอสมเด็จ พ.ต.อ.ทศพร จิเนราวัต ผกก.สภ.สมเด็จรับทราบ

ซึ่งเมื่อทำการสอบสวนทราบว่าเด็กชายทั้งสองคน เป็นพี่น้องต่างมารดาและบิดากัน ทราบชื่อคือด.ช.ซี (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี มีบาดแผลลักษณะคล้ายถูกตีที่บริเวณศีรษะ ซึ่งแพทย์ได้ทำการเย็บแผลจำนวน 2 เข็ม โดยข้อขาด้านซ้ายยังมีเครื่องพันธนาการ คล้ายโซ่ตรวนล่ามไว้ และมีกุญแจล๊อกไว้ ส่วนอีกคนคือ ด.ช.ดี (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี โดยรายนี้อยู่ในอาการที่ตกใจไม่ยอมพูดจาหรือตอบข้อซักถามใดๆ

 

และจากการสอบถาม นายราเชนท์ พรมรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านสร้างแสน กล่าวว่า ตนได้ให้การช่วยเหลือเด็กชายทั้งสองคนนี้ ขณะที่กำลังจะขับรถเข้ามาในตัวอำเภอสมเด็จ โดยพบเห็นเด็กทั้ง 2 คนคล้ายกับวิ่งหลบหนีอะไรบางอย่างภายในหมู่บ้าน และเมื่อเห็นมีเลือดติดตามลำตัว จึงได้นำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จ ทั้งนี้ในการสอบถามเบื้องต้นทราบเพียงว่า เด็กทั้งสองคนเป็นพี่น้องต่างบิดามารดากัน และอ้างว่าถูกพ่อแม่ทำร้าย บางครั้งก็ต้องหลบหนี ไม่เข้าบ้านเพราะเกรงว่าจะถูกตี และก็จะถูกล่ามโซ่สลับไปมา 

 

โดยกรณีดังกล่าวต้องให้ทางสหวิชาชีพมาร่วมสอบถามเพิ่มเติมอีกครั้ง จึงจะสามารถสรุปและแจ้งความดำเนินคดีได้ ด้านนางวิจารณ์ ชูรัตน์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับตัวเด็กเข้ามาคุ้มครองเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนก็จะมีทีมตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นก็จะทำการประเมินก่อนทำการช่วยเหลือต่อไปในอนาคต