ฟ้ามีตาความเป็นธรรมยังมี!! 3 หน่วยงานยุติธรรมเดินหน้าช่วย 2 แม่ลูกโดนทนายขี้ฉ้อโกง 5 ล้าน อึ้งหลักฐานมันเข้าข่าย 18 มงกุฎ !?! (มีคลิป)

จากกรณีน้องบีมหรือ ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนศรีสังวาลย์ จ.นนทบุรี ที่พิการต้องนั่งรถวีลแชร์ตระเวนขายของกับแม่ คือ น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ แถววัดชลประทานรังสฤษดิ์ หลังครอบครัวประสบอุบัติเหตุพ่อเสียชีวิต แม่บาดเจ็บสาหัส ส่วนตัวเองต้องพิการขาทั้งสองข้าง และได้ต่อสู้คดีกับคู่กรณีจนชนะได้เงิน 5 ล้านบาท แต่กลับถูกทนายความโกงเงินไปเกือบ 5 ล้าน เนื่องจากถูกหลอกให้เซ็นมอบอำนาจ ที่ได้มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น

 

 

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (3 ก.ค.) สำนักงานช่วยเหลือประชาชน ทางกฎหมาย เนติบัณฑิตยสภา, สภาทนายความ และกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันให้ความช่วยเหลือแต่งตั้งทนายความดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความที่ยักยอกเงินค่าชดเชยจากอุบัติเหตุที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548 จำนวนกว่า 5 ล้านบาท ของน.ส.พรทิพย์ จันทรรัตน์ และด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือน้องบีม รวมทั้งดำเนินการกับนายพิสิษฐ์ ที่ฝ่าฝืนข้อบังคับมรรยาททนายความ ยักยอก ฉ้อโกงลูกความ

 

 

ว่าที่พันตรีสมบัติ วงศ์กำแหง ประธานฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เนติบัณฑิตยสภา ระบุว่า นางสาวพรทิพย์ได้มาร้องกับเนติบัณฑิตยสภา เมื่อเดือนธันวาคม 2558 เพื่อให้ช่วยเหลือนำเงินที่ถูกนายพิสิษฐ์ ทนายความ ฉ้อโกงไป ซึ่งวันนี้ นางสาวพรทิพย์ได้มาเซ็นเอกสารแต่งตั้งทนายความดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกเงินคืนจากนายพิสิษฐ์ ขณะเดียวกันก็จะแต่งตั้งทนายความดำเนินการฟ้องทางอาญาเพิ่มเติมด้วย

 

 

 

 

ขณะที่ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ทางกระทรวงยุติธรรม จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินวางศาล ประมาณ 6 หมื่นบาท หรือ ร้อยละ 2 ของเงินที่เรียกคืนทั้งหมด 3 ล้านบาท

 

ด้าน นายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาส อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ ระบุว่า การดำเนินการลงโทษกับนายพิสิษฐ์ กรณีฝ่าฝืนมรรยาททนายความ ซึ่งมีบทลงโทษ 3 สถาน ตั้งแต่ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบว่าความไม่เกิน 3 ปี และลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการมรรยาทสภาทนายความอยู่ระหว่างพิจารณาโทษ

 

 

 

 

ส่วนนางสาวพรทิพย์ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและมีความหวังมากขึ้น เพราะตลอดเวลาต่อสู้เรียกร้องมาอย่างยาวนาน ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกหลอกร้ายแรงที่สุดในชีวิต และบอกลูกมาตลอดให้สู้และอดทน

 

 

 

 

ทั้งนี้ จากทะเบียนประวัติทนายความ ของนายพิสิษฐ์ พบว่า เคยถูกร้องเรียนเรื่องฝ่าฝืนมรรยาททนายความ และถูกลงโทษพักใช้ใบว่าความเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งขณะก่อเหตุฉ้อโกงในคดีนี้ พ้นจากการถูกพักใช้ใบว่าความแล้ว โดยสถานะปัจจุบันนายพิสิษฐ์ยังคงมีชื่ออยู่ในทะเบียนทนายความ ซึ่งสภาทนายความจะดำเนินการลงโทษจากการกระทำผิดในกรณีนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อยุติการกระทำของนายพิสิษฐ์ ในการประกอบวิชาชีพทนายความ

นอกจากนี้ นายพิสิษฐ์ยังถูกศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2547 ซึ่งตามหลักการประกอบวิชาชีพทนายความแล้ว ไม่สามารถว่าความต่อได้ แต่นายพิสิษฐ์ยังไปรับเป็นทนายให้กับนางสาวพรทิพย์.