ตั้งแต่รัชกาลที่5ตำรวจไม่เคยปฏิรูปเลย!!!“สังศิต”ยกคำวินิจฉัยศาลฏีกาสอนกม.จักรทิพย์“วิทยา”บุกพบ“บิ๊กตู่”ไล่ผบ.ตร.ทบทวนตัวเอง ???

จากกรณีนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) เข้าพบ พ.ต.ท.ศิริพงษ์ ภูมิเหล่าแจ้ง รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา “ร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบอำนาจให้ พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา ผกก.ฝอ.8 กองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าแจ้งความ หลังจากที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันแห่งประเทศไทยจัดเสวนา ตำรวจไทย มีไว้ทำไม โดยการเสวนาเป็นหัวข้อที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯเป็นผู้จัด

       “ตนก็ตอบรับคำเชิญที่จะมา เนื่องจากมีการตกลงกันตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่าการเสวนาครั้งนี้เป็นการเสวนาทางวิชาการ ตนเห็นว่าองค์กรนี้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จึงยินดีมาเป็นวิทยากรให้ ที่พูดบนเวทีพูดเฉพาะแนวความคิดในการปฏิรูปตำรวจ และหลักการควรจะเป็นอย่างไรในการปฏิรูป ผมไม่เคยพูดกล่าวถึงชื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติแม้แต่คำเดียว ไม่เคยกล่าวถึงชื่อตัวบุคคลตำรวจแม้แต่คนเดียว ผมพูดเรื่องแนวคิดการปฏิรูปตำรวจในโลกนี้เขามีแนวทางอย่างไร หลักการปฏิรูปควรทำอย่างไร ไม่มีเนื้อหาที่พูดจาเยอะเย้ย ถากถาง ดูหมิ่นดูแคลนขององค์กรไหนเลย รวมถึงตัวบุคคลด้วย”

       ทั้งนี้นายสังศิต ยังกล่าวอีกว่าข้อหาที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาร่วมหมิ่นประมาทฯ มีคำวินิจฉัยของศาลฎีกาว่า “บุคคลไม่สามารถหมิ่นประมาทองค์กรได้ แต่หมิ่นประมาทตัวบุคคลได้” นักกฎหมายทุกคนเขาก็เรียนกันมาแบบนี้ว่าหมิ่นประมาทองค์กรไม่ได้ ต้องหมิ่นประมาทตัวบุคคล อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ตำรวจแจ้งความหมิ่นประมาทตนในช่วงนี้ เพราะขณะนี้มีการตั้งคณะปฏิรูประบบตำรวจขึ้นมาแล้ว จะได้เห็นว่า กก.ปฏิรูปตำรวจจะแก้ปัญหาเรื่องการฟ้องหมิ่นตำรวจเป็นอย่างไร และควรจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีหลักประกันในเรื่องของการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต

 

       “ตนเป็นคนที่สนใจศึกษาเรื่องเกี่ยวกับตำรวจมาเกือบ 30 ปี ขณะที่เริ่มทำวิจัยเรื่องตำรวจไม่เป็นประเด็นที่คนสนใจนัก กระทั่งมีการเผยแพร่สู่สังคมมากขึ้น คนก็เริ่มเห็นว่าองค์กรตำรวจจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปให้ทันสมัยเนื่องจากตำรวจนครบาลที่เริ่มต้นตั้งแต่สมัย ร.5 จนถึงวันนี้ยังไม่มีการปฏิรูปเลย ที่รัฐบาลตั้ง กก.ขึ้นมาปฏิรูปตำรวจถือเป็นเรื่องดีของประเทศไทยที่ประชาชนให้การสนับสนุน เพื่อให้ กก.ชุดนี้ทำตามเจตนารมณ์ที่ประชาชนอยากเห็น และช่วง 15 ปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปตำรวจจำนวนมาก จะเป็นประโยชน์ต่อ กก.ปฏิรูปตำรวจเอามาเป็นข้อมูลพื้นฐาน ต้องปรับปรุงแก้ไขอะไร ถ้าการเปลี่ยนแปลงประชาชนได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นแม้แต่เพียงนิดเดียวก็พอใจแล้ว”

ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังได้มอบอำนาจให้ พล.ต.ต.อดุลย์ ตนภิรมย์ ผู้บังคับการกองกฎหมาย สำนักงานกฎหมายและคดี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ธนาวุฒิ ประเสริฐนู รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้างานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดีกับนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสปท. และอดีตแกนนำ กปปส. ข้อหาหมิ่นประมาทลักษณะเนื้อหาในการสัมภาษณ์ ใส่ร้ายข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งทำให้ประชาชนที่รับชมและรับฟังข่าวโดยทั่วไปเข้าใจสำนักงานตำรวจแห่งชาติในทางที่เสื่อมเสียและเกิดความรู้สึกดูหมิ่นเกลียดชังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อให้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหาย โดยมีหลักฐานเป็นเอกสารจำนวน 27 แผ่น และแผ่นซีดี 2 แผ่น

 

       ด้านนายวิทยา เปิดเผยด้วยว่า ยังไม่ทราบประโยคไหน หรือข้อความใดหมิ่นประมาทสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะการให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ตนก็พยายามระวังคำพูดอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้กระทบกับใคร แต่เท่าที่จับใจความ น่าจะเป็นคำที่ตนพูด ขณะนี้มี พล.ต.ต.ใหญ่กว่า พล.ต.อ. ซึ่งเห็นว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ ต้องทบทวนตัวเองใหม่ ทั้งที่ผมออกมาพูดให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ รัฐบาลก็สอดรับมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ส่วนที่ผมออกมาพูดเรื่องการซื้อขายตำแหน่งที่ ภ.8 สตช.มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ ทั้งที่นายกฯบอกจะจับให้มั่นคั้นให้ตาย แต่ก็ยังไม่สามารถหาความจริงให้สังคมได้ ผบ.ตร.ยังมาปิดปากเปิดหน้าชกกับผมอีก เมื่อได้รับหมายเรียกแล้ว จะไปร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ในเมื่อผมเป็นปากเป็นเสียง คนที่ได้ประโยชน์คือประชาชน”