“ทำงานไม่ซื่อสัตย์ทุจริตเป็นอันธพาลปลอมตัวในคราบคนดีไม่ควรเป็นตำรวจทั้งไม่ควรเป็นคนอยู่ในสังคม”สมเด็จพระสังฆราช ประทานโอวาท“ผบช.น.-นายตำรวจ”

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

จากกรณีเมื่อวันศุกร์ ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๔.๓๐ น. ที่ผ่านมา เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จออก ณ ไพทีหน้าพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นำข้าราชการตำรวจ แม่บ้านตำรวจ คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ ตลอดจนพุทธศาสนิกชน เฝ้าถวายเทียนพรรษาและจตุปัจจัย แด่คณะสงฆ์วัดราชบพิธ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา พร้อมทั้งขอรับประทานพระโอวาท เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานและการดำเนินชีวิต

การนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า

“ท่านทั้งหลายได้อุตส่าห์นำวัตถุปัจจัยต่างๆ มาถวายก็ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มุ่งถวายเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย และเป็นของใช้สอยยังประโยชน์แก่คณะพระภิกษุสามเณร ที่เรียกกันว่า 'สงฆ์' ซึ่งแปลว่ากลุ่มหรือหมู่คณะ ดังที่เราชาวพุทธเรียกการให้อย่างนี้ว่า 'สังฆทาน'

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสรรเสริญไว้ว่า การถวายสังฆทาน คือการถวายทานให้แก่หมู่คณะสงฆ์อย่างไม่เจาะจงให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด เป็นทานอันเลิศ เกิดผลบุญอันมีอานิสงส์สูงส่งยิ่งกว่าการให้เจาะจงต่อใครคนใดคนหนึ่ง ที่เรียกว่า 'ปาฏิบุคลิกทาน' จนถึงแม้กระทั่งเจาะจงถวายต่อพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้อานิสงส์เลิศเท่ากับการถวายแก่หมู่สงฆ์ ซึ่งทรงชี้แจงไว้ว่าได้บุญกุศลสูงส่งกว่า

​ถ้าพิจารณาให้ลึกซึ้งถึงนัยที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงอานิสงส์ไว้ ย่อมพบคำตอบได้ว่า การคำนึงถึงประโยชน์แห่งหมู่คณะยิ่งกว่าประโยชน์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดย่อมเป็นวิถีทางที่ถูกที่ควรในการประพฤติปฏิบัติตนของความเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี

“ทำงานไม่ซื่อสัตย์ทุจริตเป็นอันธพาลปลอมตัวในคราบคนดีไม่ควรเป็นตำรวจทั้งไม่ควรเป็นคนอยู่ในสังคม”สมเด็จพระสังฆราช ประทานโอวาท“ผบช.น.-นายตำรวจ”

ยิ่งท่านทั้งหลายล้วนมีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความสุขความทุกข์ของประชาชน หากท่านทำกิจการงานทั้งปวง โดยมีเป้าหมายคือประโยชน์สุขของส่วนรวม กล่าวคือชาติไทยเป็นสำคัญ มิใช่เพื่อความสุข หรือประโยชน์จำเพาะ แก่พวกหนึ่งพวกใด หรือคนหนึ่งคนใดแล้ว การทำงานของท่าน ก็เสมอด้วยการประพฤติธรรม เพราะเท่ากับว่าท่านกำลังทำหน้าที่อยู่ด้วยกุศลเจตนา

'การให้' ไม่ว่าจะด้วยวัตถุสิ่งของ หรือประโยชน์เชิงนามธรรมจากการทำงานอย่างสุจริตของท่าน ก็ย่อมจัดเป็นคุณูปการสำหรับแผ่นดิน เป็นประโยชน์ค้ำจุนคนทั้งชาติร่วมกัน ในลักษณะที่เปรียบได้ดั่งสังฆทาน

แต่ถ้าท่านทำงานโดยมุ่งประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ของพวกพ้องเฉพาะกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด แม้จะเป็นผลดีก็ตามที แต่ก็ไม่อาจอำนวยความสุขให้แก่มหาชนในวงกว้าง การทำหน้าที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายในนามรัฐย่อมไม่เกิดประสิทธิผลตามที่ควรจะเป็น เปรียบเสมือนท่านให้เพียงจำเพาะรายบุคคล แบบปาฏิบุคลิกทาน

ส่วนบุคคลใดทำการงานโดยไม่ซื่อสัตย์ โดยทุจริต เป็นอันธพาลที่ปลอมตัวมาในคราบของคนดีเสียแล้ว ก็ไม่ควรจะต้องพูดถึงกัน เพราะไม่ว่าเขาผู้นั้นจะหวังประโยชน์สำหรับใครๆ ก็ล้วนแต่เป็นบาป นำความตกต่ำเสื่อมถอยเป็นที่หมายได้ทั้งในชีวิตนี้และในชีวิตหน้า บุคคลประเภทที่กล่าวสุดท้ายนี้ไม่ควรเป็นตำรวจ และไม่ควรจะเป็นสมาชิกในสังคมเสียเลยด้วยซ้ำ

​การถวายสังฆทานของท่านในวันนี้ นอกจากจะได้อานิสงส์มาก เป็นบุญอันเลิศที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญแล้ว จึงยังเตือนใจทุกท่านให้มีอุดมการณ์ เพื่อการทำงาน และการดำรงชีวิต โดยมุ่งถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์เฉพาะตน หรือเฉพาะบุคคลหนึ่งบุคคลใด ตามหลักการในพระพุทธศาสนา

“ทำงานไม่ซื่อสัตย์ทุจริตเป็นอันธพาลปลอมตัวในคราบคนดีไม่ควรเป็นตำรวจทั้งไม่ควรเป็นคนอยู่ในสังคม”สมเด็จพระสังฆราช ประทานโอวาท“ผบช.น.-นายตำรวจ”

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูล-ภาพ: สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช