“ตุรกี” หนุน “กาตาร์” กร้าว ไม่ทำตาม 13 ข้อ จากชาติอาหรับ อีกฝั่งกดดันหนักเดินหน้าคว่ำบาตรต่อ

จากกรณีที่ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับอิมิเรต บาห์เรน และอียิปต์ กล่าวหากาตาร์ว่าให้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายและเป็นพันธมิตรกับชาติคู่อริอย่างอิหร่าน จึงลงโทษด้วยการตัดสัมพันธ์ทางการทูต และตัดการเชื่อมโยงทางบก อากาศ และน้ำ ก่อนออกข้อเรียกร้อง 13 ข้อ ให้กาตาร์ปฏิบัติตามเพื่อฟื้นคืนความสัมพันธ์ ซึ่งถึงเส้นตายเมื่อวานนี้ แต่กาตาร์ก็ไม่ยอมรับข้อเรียกร้องดังกล่าว 

คืนวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ 4 ชาติอาหรับในกรุงไคโร ละเว้นการเพิ่มบทลงโทษกาตาร์ แต่แสดงความผิดหวังต่อรัฐบาลกาตาร์ที่ไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้อง ก่อนหมดเส้นตาย ขณะที่ ประธานาธิบดี เรเซป เทอร์ยิบ เออร์โดกัน ของตุรกี ออกแถลงการณ์ประกาศสนับสนุนกาตาร์อย่างเต็มที่ พร้อมวิจารณ์ข้อตกลงของ 4 ชาติอาหรับว่า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ 

ประเทศที่แข็งแกร่งอย่างตุรกี ได้ส่งเครื่องบินลำเลียงบรรทุกอาหารและสิ่งของจำเป็นไปให้กาตาร์ มาตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา รวมมากกว่า 100 ลำแล้ว หลังจากประเทศชาติอาหรับ ตัดการขนส่งทั้งทางทะเลและทางอากาศ นอกจากนี้ ตุรกียังส่งกองกำลังไปประจำฐานทัพในกรุงโดฮาด้วย รวมถึงกองทหาร 2 กอง พร้อมรถหุ้มเกราะหลายคัน

ขณะที่ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม รัฐมนตรีต่างประเทศของ 4 ชาติอาหรับ และแกนนำคณะมนตรีความร่วมมือชาติอ่าวอาหรับ ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประชุมกันที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ แถลงข่าวแสดงความไม่พอใจต่อผลการตอบข้อเรียกร้อง 13 ข้อที่กลุ่มพันธมิตรยื่นคำขาดให้กาตาร์ปฏิบัติตาม ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวรวมทั้งให้ลดสัมพันธ์กับอิหร่าน ปิดสำนักข่าวอัลจาซีร่า และปิดฐานทัพตุรกีในกาตาร์ ไม่เช่นนั้นกาตาร์จะถูกลงโทษเพิ่มเติม  
 

หลังจากก่อนหน้านี้ 4 ชาติอาหรับ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ปิดพรมแดนทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมถึงเลิกติดต่อกับกาตาร์ ด้วยข้อกล่าวหาให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้ายและผูกสัมพันธ์กับอิหร่าน ซึ่งกาตาร์ยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด  
อย่างไรก็ดี 4 ชาติอาหรับ ไม่ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรกาตาร์เพิ่มเติม แต่ระบุว่ามาตรการคว่ำบาตรและปิดล้อมที่มีต่อกาตาร์จะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่ากาตาร์จะเปลี่ยนท่าทีและนโยบาย โดยจะหารือกันอีกครั้งที่ประเทศเยเมน เพื่อหามาตรการจัดการกาตาร์ต่อไป แต่จะอยู่ภายใต้หลักกฎหมายสากล อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของจดหมายตอบของกาตาร์ต่อข้อเรียกร้องของชาติอาหรับ  


ขณะที่ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มัน อัล ธานี รมว.ต่างประเทศ แถลงยังคงต้องการให้ใช้แนวทางการเจรจาแก้ปัญหาขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน และยืนยันกาตาร์ไม่สามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 13 ข้อเหล่านี้ได้ เพราะกาตาร์มองว่าประเด็นทั้งหมดไม่เกี่ยวกับเรื่องก่อการร้าย แต่เป็นการละเมิดอธิปไตยของกาตาร์และกีดกันเสรีภาพในการแสดงออกมากกว่า 


ขณะที่ทางด้าน สำนักข่าวอัล อราบียา รายงานว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน และอียิปต์ ยืนยันว่า กาตาร์ปฏิเสธที่จะทำตามข้อเรียกร้องทั้ง 13 ประการที่ 4 ชาติอาหรับได้เสนอไปก่อนหน้านี้

แถลงการณ์ร่วมของ 4 ชาติอาหรับ ระบุว่า การที่กาตาร์ปฏิเสธที่จะทำตามข้อเรียกร้องนั้น “สะท้อนให้เห็นว่ากาตาร์มีส่วนพัวพันกับกลุ่มก่อการร้าย และต้องการที่จะทำลายความมั่นคงในประเทศกลุ่มอ่าวอาหรับ (จีซีซี)”
 

นอกจากนี้ แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวยังระบุอีกด้วยว่า รัฐบาลกาตาร์เดินหน้าขัดขวางความพยายามของชาติอาหรับที่หวังจะแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น พร้อมตำหนิว่า กาตาร์ขาดความรอบคอบและไม่เคารพต่อการเจรจาทางการทูตของคูเวต หลังจากที่ข้อเรียกร้องทั้ง 13 ประการรั่วไหลออกมา ทั้งที่ไม่ได้มีการอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูล


ทั้งนี้ 4 ประเทศอาหรับได้ยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวผ่านคูเวต ซึ่งรับหน้าที่เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยวิกฤตครั้งนี้