ตบปากจตุพร!!!“ไม่ได้เลวเฉพาะตำรวจ-ทหารก็ชั่ว”วินธัยสวนก็แค่พวกเสียประโยชน์จากการที่ทหารเข้ามา ปชช.รู้ประธานนปช.พูดลากไปโยงการเมือง???

       จากกรณีนายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์จากที่นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส. พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้มีการปฏิรูปทหารว่า “ ขอพูดในหัวข้ออย่าปฏิรูปเฉพาะตำรวจเพียงหน่วยงานเดียว เมื่อให้ทหารเป็นหัวแถวปฏิรูปตำรวจ ก็ควรให้ตำรวจเป็นหัวแถวในการปฏิรูปทหารด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องประชดประชัน เป็นเรื่องต้องยอมรับความเป็นจริง ทุกองค์กรในประเทศมีปัญหาไม่ใช่เพียงแค่ตำรวจองค์กรเดียว ทหาร ข้าราชการ นักการเมือง ภาคประชาชน ต่างต้องปฏิรูปทั้งนั้น เวลานี้แต่ละฝ่ายพูดกัน ดูเสมือนหนึ่งประเทศไทย ที่มีปัญหาเพียงเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ตนไม่ได้มองอย่างนั้น เรื่องคนดีคนเลว มีทุกองค์กร สิ่งที่สำคัญที่สุดเราต้องยอมรับความเป็นจริง ถ้าไม่ปฏิรูปอย่างพร้อมเพรียงกัน บางหน่วยงานแตะต้องไม่ได้ ในโลกความเป็นจริง ปัจจุบันตำรวจอยู่ภายใต้การควบคุมของทหารอยู่แล้ว ในแต่ละส่วนงานมีทหารไปเกี่ยวข้องแต่ละพื้นที่ในทางปฏิบัติกันอยู่แล้ว ถ้าต้องการแก้ไขการปฏิรูปตำรวจในทุกมิติ สิ่งหนึ่งที่คนไทยอยากเห็นคือเราจะได้หน่วยงานที่มีธรรมาภิบาล

       ตำรวจที่จะปฏิรูปเพียงองค์กรเดียว คงจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรสังคมในประเทศนี้กันได้ ทหารเองก็ต้องเปิดกว้าง เมื่อกล้าปฏิรูปตำรวจ ก็ควรต้องกล้าให้มีการปฏิรูปทหารเช่นเดียวกัน เพราะเชื่อว่าทหารก็มีปัญหา ทหารก็มีคนดีคนชั่วเหมือนกับทุกหน่วยงาน ถ้าความคาดหวังคนไทย ที่โหมประโคมปฏิรูปตำรวจ ก็อยากเห็นการปฏิรูปทหาร ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปทุกหน่วยงานราชการ พรรคการเมือง ภาคประชาชน ทุกภาคส่วนเราต้องปฏิรูปไปพร้อมกัน บ้านเมืองนี้ไม่ใช่จะเลวจะชั่วเพียงแค่องค์กรเดียวเท่านั้น” นายจตุพร กล่าว

 

       ล่าสุดพันเอกวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกและในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกมาตอบโต้นายจตุพรด้วย ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้   “ที่ผ่านมา กองทัพ ได้มีการปรับตัวเรื่อยมา ตามลำดับเวลา ในหลายๆด้านตั้งแต่ภารกิจทางการทหาร และภารกิจทางการทหารที่ไม่ใช่สงคราม โดยเฉพาะบทบาทในการช่วยเหลือและพัฒนาประเทศที่ระยะหลังได้รับสัญญาณค่อนข้างบวก แม้ว่าภารกิจของทหารในภาวะปกติ ไม่ใช่การให้บริการในลักษณะสัมผัสตรงกับประชาชน เหมือนหลายๆองค์กรแต่ทุกหน่วยงานในสังกัดยังคงมีการสำรวจเพื่อปรับตัวให้งานในแต่ละด้านมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้เหมาะสมกับความต้องการในภาพรวมของประเทศ สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและกาลเวลาที่เปลี่ยนไป

    

       สำหรับเสียงเรียกร้องฯจากบางบุคคล เชื่อว่าทางกองทัพคงพร้อมรับฟังอย่างมีเหตุมีผล แต่ไม่อยากให้จำกัดอยู่เฉพาะบางกลุ่มบางพวก  ที่สังคมส่วนใหญ่มองไปว่าอาจเป็นเรื่องของการเมือง  หรือเข้าใจว่าเป็นข้อเรียกร้องจากกลุ่มที่เสียประโยชน์จากการทำหน้าที่ของทหารในช่วงภาวะพิเศษช่วงนี้เท่านั้น มั่นใจหลายหน่วยงานในสังกัดกองทัพ ยังคงต่อเนื่องที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับประชาชน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อนำไปสร้างพัฒนาการใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ต่อชาติ ในแต่ละพื้นที่อยู่เสมอ จากข้อมูลที่ได้รับภาพรวมยังไม่พบเรื่องที่น่ากังวลอะไร”