มีใครอยากลองไหม!! อีกหนึ่งชีวิตที่คิดท้าทายกับจุดเสี่ยงตายอัศจรรย์ ที่คนทั่วโลกอยากลอง

     เมื่อวันที่ 13 ก.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวเสียชีวิตบริเวณชายหาดโด่งดังระดับโลก เกาะซินต์มาร์เติน ที่ในแต่ละปีผู้คนนับล้านมักจะแวะมาเสี่ยงตาย ยืนท้ายรันเวย์สนามบิน เพื่อสัมผัสแรงลมของไอพ่นเครื่องบิน นั่นจึงทำให้ล่าสุดมีนักท่องเที่ยวหญิงถูกลมไอพ่นพัดปลิวร่างปลิวและเสียชีวิต

มีใครอยากลองไหม!! อีกหนึ่งชีวิตที่คิดท้าทายกับจุดเสี่ยงตายอัศจรรย์ ที่คนทั่วโลกอยากลอง

     ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยท้องถิ่นได้รับแจ้งว่า มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวนิวซีแลนด์  วัย 57 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากที่เธอยืนเกาะแผงกั้นต้านแรงลมของไอพ่นเครื่องบินที่มีกำลังความแรงลมอย่างมหาศาลอยู่ด้านท้ายรันเวย์ของสนามบิน เหมือนกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ แรงลมทำให้เธอลอยจนมือหลุดจากแผงกั้น ร่างของเธอจึงลอยและตกลงพื้นหัวของเธอกระแทกกับขอบปูนทำให้เสียชีวิต จากในคลิป เมื่อแรงลมของไอพ่นเริ่มเบาก็มีคนรีบวิ่งไปดูเธอ แต่เหมือนจะสายเกินไปเสียแล้ว

มีใครอยากลองไหม!! อีกหนึ่งชีวิตที่คิดท้าทายกับจุดเสี่ยงตายอัศจรรย์ ที่คนทั่วโลกอยากลอง

มีใครอยากลองไหม!! อีกหนึ่งชีวิตที่คิดท้าทายกับจุดเสี่ยงตายอัศจรรย์ ที่คนทั่วโลกอยากลอง

มีใครอยากลองไหม!! อีกหนึ่งชีวิตที่คิดท้าทายกับจุดเสี่ยงตายอัศจรรย์ ที่คนทั่วโลกอยากลอง

 

      มีใครอยากลองไหม!! อีกหนึ่งชีวิตที่คิดท้าทายกับจุดเสี่ยงตายอัศจรรย์ ที่คนทั่วโลกอยากลอง

     ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวหญิงชาวนิวซีแลนด์คนนี้ไม่ใช่คนแรกที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ เพราะจุดดังกล่าวเป็นแลนด์มาร์คชื่อดังของโลก แม้จุดดังกล่าวจะมีป้ายเตือนเอาไว้ชัดเจนหลายจุด เตือนเกี่ยวกับแรงลมของไอพ่นเครื่องพ่น แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ยังฝ่าฝืนคำเตือนนี้ ทุกๆ วันจะมีเที่ยวบินนับพันเข้า-ออก เพื่อมาที่จุดเสี่ยงตายที่เป็นภาพน่าอัศจรรย์ไปทั่วโลก 

     อย่างไรก็ตาม บริเวณชายหาดโมฮาและด้านท้ายรันเวย์สนามบินแห่งนี้ มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแรงลมไอพ่นเครื่องบินอยู่เป็นประจำทุกปี มีทั้งอาการบาดเจ็บเล็กน้อยถึงสาหัส บางรายถึงขั้นเสียชีวิตเหมือนกับนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์รายนี้

มีใครอยากลองไหม!! อีกหนึ่งชีวิตที่คิดท้าทายกับจุดเสี่ยงตายอัศจรรย์ ที่คนทั่วโลกอยากลอง

ขอขอบคุณข้อมูล : RT.com